ByteDance เล็งดัน TikTok ทำ IPO เลี่ยงความขัดแย้งรัฐบาลสหรัฐฯ, BOE-BOJ คงดอกเบี้ยตามคาด: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (18 ก.ย. 2563)

จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหราชอาณาจักรมีกำหนดประกาศดัชนียอดค้าปลีก (Retail Sales) ประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 0.7% (MoM) และ 3.0% (YoY) โดยเป็นการฟื้นตัวขึ้นจากการหดตัวช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้านี้ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนียอดค้าปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) ที่คาดว่าจะขยายตัว 0.4% (MoM) และ 4.2% (YoY)

เมื่อคืนนี้มีการเปิดเผยตัวเลข Building Permits เดือนสิงหาคม ออกมาที่ 1.470 ล้านหลัง ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 1.520 ล้านหลัง หรือหดตัวที่ 0.9% (MoM) ด้านตัวเลข Initial Jobless Claims สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 860,000 ตำแหน่ง แย่กว่าคาดการณ์ที่ 850,000 ตำแหน่ง ส่วน Continuing Jobless Claims เปิดเผยออกมาที่ 12.628 ล้านตำแหน่ง ดีกว่าคาดการณ์ที่ 13.00 ล้านตำแหน่ง

ByteDance กำลังพิจารณาแผนทำ IPO หุ้นบริษัท TikTok Global ซึ่งจะเป็นบริษัทใหม่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานแอปพลิเคชัน TikTok เพื่อเลี่ยงการแบนจากรัฐบาลสหรัฐฯ หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งให้ ByteDance พิจารณาขายหรือลดความเกี่ยวข้องกับ TikTok ในสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลต่อความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ชาวอเมริกันในแอปฯ ดังกล่าว

วานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.10% และคงการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE) รวม 745,000 ล้านปอนด์ภายในสิ้นปี 2020 จากความเสี่ยงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่อาจเกิดขึ้นได้อีกครั้ง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจของสหภาพยุโรป จีน และสหรัฐฯ จะฟื้นตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์ก็ตาม นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านการเจรจาข้อตกลงหลังแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ยังไม่คืบหน้า ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้ BOE ระบุว่าจะดำเนินมาตรการการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่องจนกว่ากำลังการผลิตส่วนเกินในระบบเศรษฐกิจจะปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และอัตราเงินเฟ้อปรับเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ได้อย่างมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม หากตลาดการเงินเกิดปัญหาสภาพคล่องอีกครั้ง BoE ก็จะกลับมาดำเนินการซื้อสินทรัพย์อีกครั้ง

วานนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1%, คงการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QQE) และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ใกล้เคียง 0% ต่อไป โดยการเข้าซื้อสินทรัพย์นั้นระบุว่า BOJ จะยังคงซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยไม่จำกัดจำนวน และเข้าซื้อกองทุน ETF รายปีในอัตรา 12 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.14 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น (Commercial Paper) มูลค่าราว 20 ล้านล้านเยนจากสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า สภาพคล่องในระบบธนาคารจะมีอยู่อย่างเพียงพอ

สรุปภาวะตลาดวานนี้

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวลดลง หลังมีแถลงการณ์ของธนาคารกลางอังกฤษและสหรัฐฯ ที่ระบุว่าแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอน โดยที่ยังไม่มีการผลักดันมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นนำตลาดในช่วงที่ผ่านมา สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวลดลง หลังเกิดความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 ประกอบกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ

สหรัฐฯ