×

Dow Futures พุ่งรับความหวัง ทรัมป์เตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (10 มี.ค. 2563)

โดย FINNOMENA
10.03.2020
  • LOADING...
  • ทางการจีนเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกุมภาพันธ์ออกมาที่ 5.2% (YoY) และ 0.8% (MoM) เป็นไปตามคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนกุมภาพันธ์ออกมาที่ -0.4% (YoY) ต่ำกว่าคาดที่ -0.3% (YoY) ด้านเยอรมนีเปิดเผยตัวเลขการค้า โดยตัวเลขการส่งออก (Exports) เดือนมกราคมออกมาที่ 0.0% (MoM) ดีกว่าคาดที่ -0.2% (MoM) ส่วนตัวเลขนำเข้า (Import) เดือนมกราคมออกมาที่ 0.5% (MoM) ส่งผลให้เกินดุลการค้า 18,500 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 15,400 ล้านดอลลาร์

 

  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในคืนนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีเงินเดือน (Payroll Tax) ด้านดัชนี Dow Jones Futures พุ่งขึ้น 630 จุด หรือ 2.64% เช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 Futures ที่ฟื้นตัว 2.31% ส่วนดัชนี China A50 ปรับตัวขึ้นมา 0.26% ในการเปิดตลาดเช้าวันนี้

 

  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคืนนี้ ภูมิภาคยุโรปมีกำหนดเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 4 (เบื้องต้น) โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 0.1% (QoQ) และ 0.9% (YoY) ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 0.3% (QoQ) และ 1.2% (YoY)

 

  • Fed ประกาศเพิ่มปริมาณเงินเข้าตลาดกู้ยืมระยะสั้นโดยใช้สินทรัพย์มีคุณภาพค้ำประกัน หรือ Repo Market โดยจะเพิ่มปริมาณเงินดังนี้ Repo Overnight เพิ่มวงเงินจาก 100,000 ล้านดอลลาร์ไปที่ 150,000 ล้านดอลลาร์ ส่วน Repo 14 วัน เพิ่มวงเงินจาก 20,000 ล้านดอลลาร์ไปที่อย่างน้อย 45,000 ล้านดอลลาร์

 

  • ยอดขาย iPhone ในจีนประจำเดือนกุมภาพันธ์ต่ำกว่า 5 แสนเครื่อง ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ยอดขายสมาร์ทโฟนในจีนอยู่ที่ 6.34 ล้านเครื่อง ลดลง 54.7% จาก 14 ล้านเครื่องในเดือนเดียวกันเมื่อปีก่อน

 

สรุปภาพรวมตลาดวานนี้

  • ดัชนี Dow Jones และ Nasdaq ปรับตัวลงแรงกว่า 7% ขณะที่ S&P 500 ดิ่งกว่า 7% ทำให้มีการใช้ระบบ Circuit Breaker เพื่อระงับการซื้อขายชั่วคราว โดยปัจจัยกดดันตลาดมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลามไปทางฝั่งสหรัฐฯ มากขึ้น และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาแรงจากอุปทานที่ล้นตลาด ส่งผลให้หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวลงแรง อาทิ หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วง 53.4% และหุ้นอาปาเช คอร์ป ร่วง 53.8% เป็นต้น สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงกว่า 7% เช่นกัน สาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลามไปทั่วยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลีที่จำนวนผู้ป่วยขึ้นแท่นเป็นอันดับ 2 รองจากจีนเท่านั้น ส่งผลให้อิตาลีปิดเมืองหลายแห่ง ซึ่งอาจกระทบเศรษฐกิจจนชะลอตัวได้

 

  • ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงกว่า 24% จากความล้มเหลวของกลุ่ม OPEC และรัสเซียที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการลดกำลังการผลิต ส่งผลให้เริ่มมีสงครามราคาน้ำมันเกิดขึ้น โดยซาอุดีอาระเบียกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตอีกครั้ง ซึ่งอาจเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ด้านราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากความกังวลที่เศรษฐกิจจะชะลอตัว ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น

 

สหรัฐฯ

  • Dow 30 ปิดที่ 23,851.02 ลดลง -2,013.76 (-7.79%)
  • S&P 500 ปิดที่ 2,746.56 ลดลง -225.81 (-7.60%)
  • Nasdaq ปิดที่ 7,950.68 ลดลง -624.94 (-7.29%)

 

ยุโรป

  • DAX ปิดที่ 10,631.63 ลดลง -910.24 (-7.89%)
  • FTSE 100 ปิดที่ 5,976.90 ลดลง -485.65 (-7.51%)
  • Euro Stoxx 50 ปิดที่ 2,965.05 ลดลง -267.02 (-8.26%)
  • FTSE MIB ปิดที่ 18,475.91 ลดลง -2,323.98 (-11.17%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 ปิดที่ 19,632.50 ลดลง -1,117.25 (-5.38%)
  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 5,760.60 ลดลง -455.60 (-7.33%)
  • Shanghai ปิดที่ 2,943.29 ลดลง -91.22 (-3.01%)
  • SZSE Component ปิดที่ 11,108.55 ลดลง -474.27 (-4.09%)
  • China A50 ปิดที่ 13,525.29 ลดลง -415.26 (-2.98%)
  • Hang Seng ปิดที่ 25,040.46 ลดลง -1,106.21 (-4.23%)
  • Taiwan Weighted ปิดที่ 10,977.64 ลดลง -344.17 (-3.04%)
  • SET ปิดที่ 1,255.94 ลดลง -108.63 (-7.96%)
  • KOSPI ปิดที่ 1,954.77 ลดลง -85.45 (-4.19%)
  • IDX Composite ปิดที่ 5,136.81 ลดลง -361.73 (-6.58%)
  • BSE Sensex ปิดที่ 35,634.95 ลดลง -1941.67 (-5.17%)
  • PSEi Composite ปิดที่ 6,312.61 ลดลง -457.77 (-6.76%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 31.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -10.15 (-24.6%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 34.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -10.91 (-24.1%)
  • ราคาทองคำปิดที่ 1,675.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.3 (0.2%)

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising