- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณเจรจาการค้าลากยาวถึงเลือกตั้งปีหน้า โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ว่า ต้องรอดูความเหมาะสมของข้อตกลงในการเจรจากับทางการจีน และยังไม่มีเส้นตาย ซึ่งอาจรอไปจนหลังการเลือกตั้งในช่วงปลายปีหน้า
- PMI ภาคบริการของจีนออกมาดีกว่าคาด โดยดัชนี Caixin Services PMI เดือนพฤศจิกายน ประกาศออกมาที่ 53.5 จุด ดีกว่าคาดการณ์ที่ 51.2 จุด และเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.1 จุด สวนทางกับ Services PMI ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งลดลงไปที่ 50.3 จุด ต่ำกว่าคาดที่ 50.4 จุด แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.7 จุด ซึ่งนับเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในแถบเอเชีย
- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยคืนนี้ สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนี ISM Non-Manufacturing PMI เดือนพฤศจิกายน โดยคาดว่าจะออกมาที่ 54.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 54.7 จุด แต่ยังเคลื่อนไหวในแดนขยายตัว สวนทาง Services PMI ของสถาบัน Markit ซึ่งนักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 51.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ด้านตลาดแรงงานจะประกาศตัวเลข ADP Nonfarm Employment Change เดือนพฤศจิกายน คาดเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง จากเดือนก่อนที่ 125,000 ตำแหน่ง
- รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 120,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะเบิกจ่ายเพิ่มเติมในงบประมาณปี 2019 และงบประมาณปี 2020 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวเพียง 0.1% (QoQ) ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดของปีนี้
- สหภาพยุโรปเตรียมมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ที่จะปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศส มูลค่ากว่า 2,400 ล้านดอลลาร์ สืบเนื่องจากกรณีที่สหรัฐฯ ไม่พอใจที่ฝรั่งเศสเรียกเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ หรือ ‘Digital Service Tax’
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
- สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีทีท่ายืดเยื้อ หลังทรัมป์ประกาศว่าการทำข้อตกลงการค้ากับจีนอาจเลื่อนออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า รวมไปถึงมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนรอบใหม่จะมีผลในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ตามกำหนด หากยังไม่มีข้อตกลงการค้าเกิดขึ้น ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones, S&P500 และ Nasdaq ปิดลบทั้งหมด ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเช่นกัน หลัง โรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เสนอให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศส วงเงิน 2.4 พันล้านดอลลาร์ สร้างแรงกดดันไปทั้งตลาด ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
- ราคาน้ำมันดิบปิดบวกจากความคาดหวังที่กลุ่ม OPEC จะลดกำลังการผลิตเร็วๆ นี้ ขณะที่นักลงทุนจับตามองสต๊อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันนี้ ด้านตลาดทองคำปิดบวกจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมไปถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 27502.81 ลดลง -280.23 (-1.01%)
- S&P 500 ปิดที่ 3093.2 ลดลง -20.67 (-0.66%)
- Nasdaq ปิดที่ 8520.64 ลดลง -47.34 (-0.55%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 12989.29 เพิ่มขึ้น 24.61 (0.19%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7158.76 ลดลง -127.18 (-1.75%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3610.99 ลดลง -15.67 (-0.43%)
- FTSE MIB ปิดที่ 22736.52 เพิ่มขึ้น 7.93 (0.03%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 23379.81 ลดลง -149.69 (-0.64%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6712.3 ลดลง -150 (-2.19%)
- Shanghai ปิดที่ 2884.7 เพิ่มขึ้น 8.89 (0.31%)
- SZSE Component ปิดที่ 9657.65 เพิ่มขึ้น 52.46 (0.55%)
- China A50 ปิดที่ 13672.19 เพิ่มขึ้น 63.6 (0.47%)
- Hang Seng ปิดที่ 26391.3 ลดลง -53.42 (-0.2%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 11531.58 เพิ่มขึ้น 28.75 (0.25%)
- SET ปิดที่ 1567.63 ลดลง -1.9 (-0.12%)
- KOSPI ปิดที่ 2084.07 ลดลง -7.85 (-0.38%)
- IDX Composite ปิดที่ 6133.9 เพิ่มขึ้น 3.84 (0.06%)
- BSE Sensex ปิดที่ 40675.45 ลดลง -126.72 (-0.31%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7877.19 ลดลง 0 (0%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 56.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.35 (0.63%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 61.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.24 (0.39%)
- ราคาทองคำ ปิดที่ 1484.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 15.05 (1.02%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters