×

ภาคอุตสาหกรรมจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว, Moody’s ปรับลดมุมมองตราสารหนี้เอกชนสหรัฐฯ: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (31 มี.ค. 2563)

โดย FINNOMENA
31.03.2020
  • LOADING...
FINNOMENA
  • Moody’s ปรับลดมุมมองตราสารหนี้เอกชนสหรัฐฯ มูลค่าราว 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ สู่ระดับ Negative ด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน ทำให้ความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น ส่งผลให้ Moody’s ต้องปรับลดคาดการณ์มุมมองต่อตราสารหนี้เอกชนสหรัฐฯ ที่ไม่รวมภาคการเงิน (Nonfinnacial) มูลค่ารวม 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ จาก Stable สู่ระดับ Negative แม้ว่าตลาดตราสารหนี้จะได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แต่สภาพคล่องนั้นมุ่งไปที่บริษัทขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแกร่ง และหลายบริษัทเป็น Investment Grade Bond ก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่อาจกลายเป็น Junk Bond ขณะที่ Goldman Sachs เองก็คาดว่ามีตราสารหนี้มูลค่าราว 7.65 แสนล้านดอลลาร์ จะถูกปรับลดจากระดับ Investment สู่ High-yield Bonds

 

  • ภาคอุตสาหกรรมจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังจีนประกาศตัวเลข Manufacturing PMI เดือนมีนาคม กลับมาขยายตัว 52.0 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 45.0 จุด ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ลงไปทำจุดต่ำสุดถึง 35.7 ด้านตัวเลข Non-Manufacturing PMI ก็ขยายตัวกลับมาที่ 52.3 จุด สูงกว่าเดือนก่อนที่ทำจุดต่ำสุดที่ 29.6 จุด โดยก่อนหน้านี้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีจีน ได้กล่าวต่อสื่อในวันที่ 28 มีนาคมว่า ภาคอุตสาหกรรมกลับมาพร้อมดำเนินงานมากถึง 98.6% รวมถึงภาคแรงงานอีก 89.9%

 

  • สหรัฐฯ-รัสเซีย พร้อมหาทางร่วมมือเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดพลังงาน สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ต่อสายหารือเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองเห็นพ้องที่จะร่วมมือรักษาเสถียรภาพของตลาดพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 18 ปีจากผลกระทบโควิด-19 ล่าสุดเช้านี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นราว 7.22% สู่ระดับ 21.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นราว 3.33% สู่ระดับ 27.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

.

  • ลาร์รี ฟิงก์ ซีอีโอ BlackRock มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 จะเป็นโอกาสใหญ่มากสำหรับการลงทุน โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้หลังวิกฤตไวรัส ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้มีอุปสรรคแบบช่วงวิกฤตการเงิน (Financial Crisis) ขณะที่ปัจจุบันธนาคารกลางมีการออกมาตรการแก้ปัญหาที่ไวมาก ซึ่ง BlackRock มองการลงทุนในระยะยาวจึงเล็งเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เต็มไปด้วยโอกาสในการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่มองไปยังอนาคต

 

  • จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ 1. เยอรมนีประกาศตัวเลขการว่างงานประจำเดือนมีนาคม คาดว่างงานเพิ่ม 29,000 คน 2. ยุโรปประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้น (YoY) ประจำเดือนมีนาคม คาดชะลอตัวเหลือ 0.8% จากครั้งก่อนที่ 1.2% 3. สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือนมีนาคม คาดชะลอตัวเหลือ 11.0 จากระดับ 130.7

 

สรุปภาพรวมตลาดเมื่อวานนี้

  • ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนที่บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) แถลงว่าจะทำการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ในเดือนกันยายนนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์จากแรงหนุนดังกล่าว อาทิ หุ้น J&J ปรับตัวขึ้น 8% และ หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ปรับตัวขึ้น 4.1% เป็นต้น สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากความเชื่อมั่นในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง 

 

  • ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปี หลังเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวจนส่งผลต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง และสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซียที่ยังไม่มีท่าทียุติลง ด้านราคาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงตลาดหุ้นที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมาบางส่วน

 

สหรัฐฯ

  • Dow 30 อยู่ที่ 22327.48 เพิ่มขึ้น 690.7 (3.19%)
  • S&P 500 อยู่ที่ 2626.65 เพิ่มขึ้น 85.18 (3.35%)
  • Nasdaq อยู่ที่ 7774.15 เพิ่มขึ้น 271.77 (3.62%)

 

ยุโรป

  • DAX อยู่ที่ 9815.97 เพิ่มขึ้น 183.45 (1.9%)
  • FTSE 100 อยู่ที่ 5563.74 เพิ่มขึ้น 53.41 (0.97%)
  • Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2765.62 เพิ่มขึ้น 36.97 (1.35%)
  • FTSE MIB อยู่ที่ 16872.41 เพิ่มขึ้น 49.82 (0.3%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 อยู่ที่ 19132.5 เพิ่มขึ้น 47.53 (0.25%)
  • S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5330.5 เพิ่มขึ้น 149.1 (2.88%)
  • Shanghai อยู่ที่ 2747.21 ลดลง 0 (0%)
  • SZSE Component อยู่ที่ 9904.95 ลดลง -204.96 (-2.03%)
  • China A50 อยู่ที่ 12597.61 ลดลง -69.38 (-0.55%)
  • Hang Seng อยู่ที่ 23175.11 ลดลง -309.17 (-1.32%)
  • Taiwan Weighted อยู่ที่ 9629.43 ลดลง -69.49 (-0.72%)
  • SET อยู่ที่ 1087.82 ลดลง -11.94 (-1.09%)
  • KOSPI อยู่ที่ 1746.05 เพิ่มขึ้น 28.93 (1.68%)
  • IDX Composite อยู่ที่ 4414.5 ลดลง -131.07 (-2.88%)
  • BSE Sensex อยู่ที่ 28440.32 ลดลง -1375.27 (-4.61%)
  • PSEi Composite อยู่ที่ 5131.16 ลดลง -135.46 (-2.57%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 21.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.45 (7.22%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 27.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.88 (3.33%)
  • ราคาทองคำ อยู่ที่ 1639.3 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -3.9 (-0.24%)

FINNOMENA

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • InfoQuest
  • Bloomberg
  • Investing, CNBC, Reuter
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising