×

สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ 33 องค์กร-บริษัทจีน ข้อหากดขี่ชาวอุยกูร์, BOE เตรียมยกเลิกมาตรการหนุนสภาพคล่อง: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (25 พ.ค. 2563)

โดย FINNOMENA
25.05.2020
  • LOADING...
FINNOMENA
  • จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้เยอรมนีมีกำหนดประกาศตัวเลข GDP ประจำไตรมาสที่ 1/20 ซึ่งคาดว่าจะหดตัว 2.2%QoQ สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจทั่วโลก หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาสร้างแรงกดดันให้เกิดภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ

 

  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นบัญชีดำ 33 องค์กรของจีน ทั้งบริษัทเอกชน หน่วยงานของรัฐ และองค์การการค้า ด้วยข้อกล่าวหามีส่วนร่วมกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์ ทั้งในด้านการบังคับใช้แรงงาน ละเมิดสิทธิมนุษยชน และสนับสนุนเครื่องมือแก่กองทัพจีน ซึ่งส่งผลให้องค์กรเหล่านั้นจะถูกจำกัดการเข้าถึงสินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯ หรือมีความเกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความตึงเครียดแก่สถานการณ์สงครามการค้าให้กลับมาระอุอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎหมายความมั่นคงของจีนฉบับล่าสุดที่ส่งผลต่อการชุมนุมในฮ่องกงโดยตรง

 

  • วันศุกร์ที่ผ่านมา เฮิร์ทซ์ โกลบัล โฮลดิ้งส์ (Hertz) บริษัทให้เช่ารถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่เปิดกิจการนานกว่า 100 ปีได้ยื่นขอล้มละลายต่อศาล หลังธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การเจรจากับเจ้าหนี้ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ อย่างไรก็ตาม กระบวนการยื่นล้มละลายดังกล่าวครอบคลุมเพียงธุรกิจในสหรัฐฯ เท่านั้น ไม่ส่งผลต่อบริษัทในต่างแดน เช่น ยุโรป นิวซีแลนด์ หรือออสเตรเลีย

 

  • หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงข่าวในที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ว่า กรณีฮ่องกงเป็นกิจการภายในของจีน ซึ่งรัฐบาลกลางมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาความมั่นคงในทุกระดับ ซึ่งเป็นไปตามหลักการอธิปไตยพื้นฐาน พร้อมระบุว่ากฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำองค์กรจีนด้วยข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนกลุ่มอุยกูร์

 

  • วันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เผยว่าเตรียมยกเลิกมาตรการช่วยสนับสนุนสภาพคล่องแก่ธนาคารและสถาบันการเงินระยะสั้น (Contingent Term Repo Facility) จากวิกฤตโควิด-19 ภายในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ โดยมีเหตุผลหลักมาจากสถานการณ์ตลาดเงินที่เริ่มคลายความกังวล อย่างไรก็ตาม BOE ยังพร้อมที่จะนำมาตรการดังกล่าวกลับมาใช้อีกครั้งหากจำเป็น

 

ภาวะตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวลง หลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีองค์กรของจีน 33 แห่งทั้งในส่วนของเอกชนและภาครัฐ สร้างความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอีกระลอก และอาจทำให้สงครามการค้ารอบใหม่ปะทุขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก และทำให้เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากโควิด-19 อยู่แล้วยิ่งเลวร้ายลงอีก นักลงทุนจึงแห่เทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมาจากความกังวลดังกล่าว

 

  • สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังมีแนวโน้มที่จะเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนรอบสอง ซึ่งจะส่งผลต่อดีมานด์การใช้น้ำมัน และทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

 

สหรัฐฯ

  • Dow 30 อยู่ที่ 24,465.16 ลดลง 8.96 (-0.04%)
  • S&P 500 อยู่ที่ 2,955.45 เพิ่มขึ้น 6.94 (+0.24%)
  • Nasdaq อยู่ที่ 9,324.59 เพิ่มขึ้น 39.71 (+0.43%)

 

ยุโรป

  • DAX อยู่ที่ 11,073.87 เพิ่มขึ้น 7.94 (+0.07%)
  • FTSE 100 อยู่ที่ 5,993.28 ลดลง 21.97 (-0.37%)
  • Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2,905.47 เพิ่มขึ้น 0.49 (+0.02%)
  • FTSE MIB อยู่ที่ 17,316.29 เพิ่มขึ้น 229.23 (+1.34%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 อยู่ที่ 20,388.16 ลดลง 164.15 (-0.8%)
  • S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5,497 ลดลง 53.4 (-0.96%)
  • Shanghai อยู่ที่ 2,813.77 ลดลง 54.16 (-1.89%)
  • SZSE Component อยู่ที่ 10,604.97 ลดลง 240.43 (-2.22%)
  • China A50 อยู่ที่ 13,113.34 ลดลง 328.66 (-2.45%)
  • Hang Seng อยู่ที่ 22,930.14 ลดลง 1349.89 (-5.56%)
  • Taiwan Weighted อยู่ที่ 10,811.15 ลดลง 197.16 (-1.79%)
  • SET อยู่ที่ 1,303.97 ลดลง 16.72 (-1.27%)
  • KOSPI อยู่ที่ 1,970.13 ลดลง 28.18 (-1.41%)
  • IDX Composite อยู่ที่ 4,545.95 ลดลง 2.7 (-0.06%)
  • BSE Sensex อยู่ที่ 30,672.59 ลดลง 260.31 (-0.84%)
  • PSEi Composite อยู่ที่ 5,539.19 ลดลง 65.3 (-1.17%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 33.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.74 (-2.18%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 35.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.82 (-2.28%)
  • ราคาทองคำ อยู่ที่ 1736.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 9.95 (+0.58%)

FINNOMENA

ภาพ: Shutterstock

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters

 


 

ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising