×

Face Oil ดีต่อผิวแค่ไหน ใช้ได้กับทุกสภาพผิวตั้งแต่ผิวแห้งไปจนถึงผิวมันจริงหรือ

03.08.2019
  • LOADING...
Face Oil

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ Face Oil หรือน้ำมันบำรุงผิวหน้าว่าดีจริงหรือไม่ เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน พร้อมทั้งแนะนำ 5 น้ำมันบำรุงผิวหน้าชิ้นเด็ดที่น่าลองจาก 5 แบรนด์คุณภาพทั้งไทยและต่างประเทศ

น้ำมันบำรุงผิวหน้า (Face Oil) กลายเป็นหนึ่งในสกินแคร์ที่เริ่มได้รับความนิยมของสาวๆ ทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติในการบำรุงและปกป้องผิวซึ่งส่งผลลัพธ์ที่ดีต่อผิวมากมาย ถ้าเป็นเมื่อก่อน พอได้ยินคำว่า ‘น้ำมัน’ หลายคนก็ Just say no ทันที เพราะนอกจากจะดูไม่เข้ากับสภาพอากาศบ้านเราที่จะใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้า ยังแอบกังวลว่าอาจจะก่อให้เกิดสิวตามมาอีก ซึ่งจริงๆ แล้วอาจเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดมาตลอดก็เป็นได้ เพราะแท้จริงแล้วน้ำมันบำรุงผิวหน้ามีประโยชน์และน่าใช้มากกว่าที่เราคิด ใครที่เคยสงสัยว่าน้ำมันบำรุงผิวหน้าดีต่อผิวแค่ไหน ใช้ได้กับทุกสภาพผิวตั้งแต่ผิวแห้งไปจนถึงผิวมันจริงหรือ เรามีคำตอบมาให้แล้ว 

 

โนมา นาซิช คอนทริบิวเตอร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหาร คัลเจอร์ และสุขภาพ ที่เขียนให้กับ Forbes เป็นอีกหนึ่งคนที่ค้นคว้าและมองเห็นข้อดีของน้ำมันบำรุงผิวหน้าจนต้องเขียนบทความกระตุ้นให้หลายๆ คนรู้จักข้อดีและหันมาเริ่มต้นใช้ ยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งเป็นผลดีต่อผิว เธอได้ข้อมูลจาก หลิงชาน ผู้ก่อตั้ง Ling Skin Care และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหน้าที่มีชื่อเสียงในวงการสุขภาพผิว ที่ช่วยยืนยันอีกแรงว่าการใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้านั้นมีประโยชน์และคุ้มค่า 

 

“ร่างกายของคนเรามีการผลิตน้ำมันตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ผิวก็ยังต้องการน้ำมันเพื่อมารักษาสมดุลให้ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นผิวจะแห้งเกินไป ซึ่งอาจตามมาด้วยการแตกลายและเกิดริ้วรอยบนผิวหนัง ดังนั้นการใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้าเข้ามารักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวจึงช่วยเติมเต็มกันได้” 

 

น้ำมันบำรุงผิวหน้าแบบไหนล่ะที่จะเหมาะกับผิวของเรา

ดร.เดบรา จาลิมัน แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากนิวยอร์กและเจ้าของผลงานเขียนเรื่อง Skin Rules แนะนำว่า 

 

“ในการมองหาน้ำมันสำหรับใช้บำรุงผิวหน้านั้นควรเลือกน้ำมันบำรุงผิวที่มีขนาดโมเลกุลเล็ก เช่น Argan Oil, Aqualane และ Jojoba Oil เพราะหากใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้าที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่เกินไปจะไม่สามารถซึมทะลุผ่านผิวหนังชั้นบนสุดเข้าไปได้ ดังนั้นน้ำมันบำรุงผิวหน้าที่ขนาดโมเลกุลเล็กจะมีน้ำหนักเบาและสามารถซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่เกิดการอุดตันรูขุมขน 

 

“นอกจากนั้นเราต้องพิจารณาประเภทผิวของตัวเองก่อนจะตัดสินใจซื้อน้ำมันบำรุงผิวหน้าด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันแต่ละชนิดเหมาะกับสภาพผิวหรือไม่ ซึ่งสามารถอ่านได้จากฉลากบรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะระบุว่าเป็นน้ำมันที่เหมาะกับผิวประเภทใด อีกหนึ่งเทคนิคในการเลือกซื้อน้ำมันบำรุงผิวหน้า ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่บรรจุในขวดสีเข้ม ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เนื้อผลิตภัณฑ์สัมผัสกับแสงและความร้อน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อเนื้อผลิตภัณฑ์ได้ และสุดท้ายควรเลือกน้ำมันบำรุงผิวหน้าที่ไม่มีน้ำเป็นส่วนประกอบจะดีที่สุด” 

 

เราเชื่อว่าข้อสงสัยของหลายๆ คนอาจจะยังไม่คลี่คลายนัก เพราะยังมีคำถามมากมายที่ให้การยืนยันถึงประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้าให้มากขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ THE STANDARD มีโอกาสได้นั่งฟัง หมอผิง-แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับน้ำมันบำรุงผิว ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันบำรุงผิวหน้าแบรนด์ไทย HARNN ซึ่งเราได้ฟัง และคัดข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาฝากผู้อ่านดังนี้ 

 

  • น้ำมันบำรุงผิวหน้ากับซีรัมต่างกันอย่างไร ความแตกต่างอยู่ที่เนื้อของผลิตภัณฑ์ อย่างซีรัมจะเป็นเนื้อลิควิด เบสก็จะต่างกัน ตัวน้ำมันบำรุงผิวหน้า เนื้อผลิตภัณฑ์ก็จะเป็นน้ำมัน แต่ข้อเท็จจริงคือไม่ว่าจะเป็นซีรัมหรือน้ำมันก็มี Active Ingredient หรือว่าสารสำคัญที่เข้าไปบำรุงผิวได้เหมือนกัน พูดง่ายๆ คือฟังก์ชันในการเข้าไปบำรุงผิวก็ทำได้ดีเหมือนกัน
  • ความเชื่อหนึ่งของคนไทยส่วนใหญ่ที่เคยมีคือพอพูดถึงน้ำมัน ทุกคนมักกลัวว่าจะทำให้สิวขึ้น แต่จริงๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าน้ำมันบำรุงผิวหน้ามีหลายประเภท มีขนาดของน้ำหนักและโมเลกุลที่แตกต่างกัน น้ำมันบางประเภท โดยเฉพาะน้ำมันที่มี Low Molecular Mass หรือมวลโมเลกุลขนาดเล็กมากๆ ก็จะไม่สร้างการอุดตันรูขุมขนอันจะก่อให้เกิดสิว เพราะว่าน้ำมันแต่ละชนิดจะมีเกรดของมัน ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าแต่ละเกรดก่อให้เกิดการอุดตันมากน้อยแค่ไหน
  • คุณค่าของน้ำมันบำรุงผิวอยู่ที่การให้ความชุ่มชื้น แต่คุณค่าของน้ำมันก็ต้องดูด้วยว่าสกัดจากอะไร เพราะที่มาของการสกัดจะต่างกัน เช่น สกัดมาจากพืชต่างๆ ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป พืชบางชนิดอาจจะเด่นด้านการมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์หรือสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการทำให้ผิวแก่เร็ว ถ้าน้ำมันประเภทไหนที่สกัดมาจากพืชที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเยอะก็จะช่วยชะลอผิวไม่ให้แก่ได้ หรือพืชบางประเภทเด่นเรื่องการมีสารต้านการอักเสบ ก็เหมาะกับผิวบอบบาง แพ้ง่าย อักเสบง่าย และยังมีพืชบางประเภทที่มีคุณสมบัติลดเลือนจุดด่างดำ ผลลัพธ์ของน้ำมันจึงขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกใช้น้ำมันประเภทไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการบำรุงผิวที่ตอบโจทย์สภาพผิวของตัวเอง
  • กับคำถามยอดฮิตว่าคนผิวมันจะใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้าได้หรือเปล่า จริงๆ แล้วน้ำมันบำรุงผิวหน้ามีหลายประเภท แต่ละแบรนด์ระบุไว้ว่าออกแบบมาสำหรับคนผิวมันโดยเฉพาะ เนื้อก็จะค่อนข้างเบากว่าน้ำมันสำหรับผิวแห้งหรือผิวธรรมดา ในขณะที่คนผิวแห้งก็จะต้องการน้ำมันอีกประเภทหนึ่งที่มีคุณสมบัติเน้นเรื่องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวโดยเฉพาะ ดังนั้นก็ควรเลือกใช้ตามสภาพผิวเป็นหลัก 

 

เมื่อไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับน้ำมันบำรุงผิวหน้าแล้ว เราก็มีลิสต์น้ำมันบำรุงผิวหน้าที่น่าใช้มาแนะนำให้กับผู้อ่านดังนี้

 

Face Oil

 

1. Deep Hydrating Organic Face Oil จาก HARNN (1,790 บาท) 

 

Face Oil

 

2. Lotus Defense™ Face Treatment Oil จาก Panpuri (2,600 บาท) 

 

 

3. Aiming Facial Oil Essence จาก Three (5,800 บาท)

 

 

4. C.E.O. Glow Vitamin C + Turmeric Face Oil จาก Sunday Riley (3,380 บาท) 

 

 

5. Amira 100% Argan Oil จากร้าน All About You (1,490 บาท) 

 

อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่นี่  HARNN เปิดตัวผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจจากวิถีของสาวชาววังในสมัยรัชกาลที่ 5 และ ชวนมาเคลียร์ปัญหา ทำไมทาครีมแล้วไม่เห็นผล?

 

ภาพ: Courtesy of Brands 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising