×

ยูฟ่าลงโทษอังกฤษ หลังแฟนลักไก่เข้านัดชิงยูโร 5,000 คน พร้อมเผยรูรั่วใหญ่ในระบบ ‘พาสปอร์ตโควิด’

14.07.2021
  • LOADING...
ยูฟ่า

นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020 นอกจากจะเป็นวันแห่งความเศร้า เมื่องานปาร์ตี้ใหญ่ที่ชาวเมืองผู้ดีเตรียมฉลองต้องพังพินาศไม่มีชิ้นดี เพราะพ่ายต่อทีมชาติอิตาลีในการดวลจุดโทษแล้ว ยังกลายเป็นวันที่น่าอับอายที่สุดอีกวันหนึ่งของประเทศอังกฤษด้วย

 

เพราะบรรยากาศช่วงก่อนที่เกมจะเริ่มต้นขึ้นนั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งของแฟนบอล ที่ต่างปลดปล่อยความดิบเถื่อนออกมาอย่างไม่อายสายตาผู้คน ไม่ว่าจะเป็นภาพของชายที่แก้ผ้ากระโดดร้องเพลง ภาพของชายที่จุดพลุควันแล้วเสียบไว้ที่ก้น หรือภาพของขยะกองมหึมาที่จัตุรัสเลสเตอร์

 

อย่างไรก็ดี ภาพดังกล่าวยังไม่เลวร้ายเท่ากับหลักฐานมากมายของแฟนฟุตบอลที่ไม่มีตั๋วแต่อยากเข้าไปชมเกมนัดชิงครั้งแรกในรอบ 55 ปีของทีม และแห่กันหาทางเข้าสนามตามช่องทางต่างๆ ที่มีความหละหลวมอย่างมากในการป้องกัน โดยที่เจ้าหน้าที่ที่จัดกำลังมาดูแลความเรียบร้อยไม่สามารถที่จะหาทางหยุดแฟนบอลเหล่านี้ได้

 

ตามการเปิดเผยของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) มี ‘ฮูลิแกน’ จำนวนมากกว่า 5,000 คนที่เข้าไปในสนามเวมบลีย์ได้โดยที่ไม่มีตั๋วเข้าชมการแข่งขัน โดยที่ตัวเลขนี้เป็นแค่การประเมินเบื้องต้น และอาจเพิ่มสูงกว่านี้ได้อีกเมื่อการสอบสวนเสร็จสมบูรณ์

 

โดยแฟนบอลที่ลักไก่หาทางเข้าสนามผ่านประตูที่ชำรุดหรือทางเข้าต่างๆ นั้นยังทะลักเข้าไปแม้กระทั่งในช่วงของการต่อเวลาพิเศษเลยทีเดียว และกระจายกันไปนั่งตามเก้าอี้ว่างที่ไม่มีคนนั่ง เนื่องจากในเกมนี้รัฐบาลอังกฤษอนุญาตให้แฟนบอลเข้าชมได้ 60,000 คน หรือ 2 ใน 3 ของความจุสนาม

 

มาตรการการรักษาความปลอดภัยที่เปราะบาง ยังถูกสะท้อนให้เห็นจากคลิปที่แฟนบอลด้วยกันเองพยายามที่จะไล่แฟนบอลที่ไม่มีตั๋วและมาแย่งที่นั่งออกไปภายในสนามเวมบลีย์ ซึ่งก็ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว

 

หนึ่งในแฟนผู้เคราะห์ร้ายคือคุณพ่อของ แฮร์รี แม็กไกวร์ ปราการหลังตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ ที่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นซี่โครงอาจจะหักจากเหตุการณ์ในวันนั้น

 

ตามรายงานแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิดในข้อหาต่างๆ ได้ 86 ราย ในจำนวนนี้ 53 รายจับได้ที่เวมบลีย์ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บมากถึง 19 รายด้วยกัน

 

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ยูฟ่าสั่งลงโทษปรับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ร่วมกับข้อหาอีกหลายกระทง ดังนี้

 

  • ปล่อยให้มีแฟนบอลวิ่งลงไปในสนาม
  • มีแฟนบอลขว้างปาวิ่งของลงมาในสนาม
  • มีการทำเสียงรบกวนเพลงชาติของทีมคู่แข่ง

 

ยูฟ่า

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจเท่ากับมาตรการในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนด้วย ‘พาสปอร์ตโควิด’ (Covid Passport) ที่รัฐบาลอังกฤษหวังจะนำมาใช้เพื่อรองรับกิจกรรมที่มีผู้ชมจำนวนมาก เพื่อป้องกันแฟนจากการแพร่ระบาดของโควิด

 

โดยสิ่งที่น่าตกใจคือความหละหลวมของระบบดังกล่าวยังมีอยู่มาก ในระดับที่แฟนๆ สามารถแชร์ QR Code และผลตรวจกันได้ง่ายๆ

 

ความ ‘มั่ว’ ยังไปถึงขั้นที่มีแฟนบอลเปิดเผยว่า พวกเขาใช้ QR Code ที่เป็นรหัสส่วนลดของร้านพิซซ่ายื่นให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งมีจำนวนคนไม่เพียงพอ และทำได้แค่ตรวจเช็กแบบผ่านๆ ไม่ละเอียด ก็ยังสามารถเข้าไปในสนามได้ หรือบางคนก็ใช้ QR Code ของคนในครอบครัวก็สามารถผ่านเข้าไปได้เช่นกัน

 

“ไม่มีตัวอ่าน QR Code ที่เวมบลีย์” แฟนบอลรายหนึ่งเผย “เจ้าหน้าที่ถามแค่ว่า QR Code นี่หมายถึงได้รับวัคซีนครบใช่ไหม พอบอกว่าใช่ ก็ปล่อยให้ผ่านเข้าไปเลยทั้งๆ ที่ QR Code ที่แสดงเป็นของร้านพิซซ่า”

 

ขณะที่การแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน ซึ่งมีแฟนเข้าไปชม 15,000 คนนั้นไม่มีปัญหาในระดับเดียวกับที่เกมนัดชิงฟุตบอลยูโรเจอ เนื่องจากแฟนๆ ที่ไปมีความสุภาพมากกว่า แต่ปัญหาเรื่องการตรวจสอบพาสปอร์ตโควิดที่ไร้ประสิทธิภาพไม่แตกต่างกัน

 

จุดนี้เป็นคำถามใหญ่ที่รัฐบาลอังกฤษต้องหาคำตอบและหาทางจัดการแก้ไขให้ได้ เนื่องจากในอีก 4 สัปดาห์ข้างหน้า ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะกลับมาเปิดประตูสนามให้แฟนๆ เข้าได้เต็มความจุเหมือนก่อนหน้ายุคโควิด ซึ่งอาจจะมีแฟนบอลมากถึง 70,000 คนเข้าสนามพร้อมกัน ซึ่งมีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน

 

อย่างไรก็ดี โดยหลักการทำงานของแอปพลิเคชัน NHS Covid App จะบันทึกข้อมูลว่าได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสหรือไม่ และมีการผลการตรวจหาไวรัสเป็นลบ หรือมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ QR Code ที่แอปฯ สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการระบุสถานะเกี่ยวกับโควิดของแต่ละบุคคล หรือพูดง่ายๆ คือ หากเจ้าหน้าที่มีการตรวจตราอย่างเข้มงวดตามขั้นตอนจริงก็ไม่น่ามีปัญหา

 

แต่ปัญหาอยู่ที่การตรวจดูแบบผ่านๆ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถรองรับการเข้ามาของแฟนบอลจำนวนมหาศาลได้ อีกทั้งแฟนกีฬาบางส่วนเองก็มีเจตนาโกหกผลการตรวจด้วยวิธีการต่างๆ

 

ท่ามกลางการระบาดที่รุนแรงขึ้นของเชื้อสายพันธุ์เดลตา ข่าวความล้มเหลวของระบบ การอาละวาดของฮูลิแกน การลักลอบเข้าไปในสนามเกินกว่าที่กำหนดความจุให้ และความเสี่ยงที่อาจจะกลายเป็นคลัสเตอร์ยักษ์ สิ่งเหล่านี้อาจเลวร้ายยิ่งกว่าความพ่ายแพ้ของทีมชาติอังกฤษในนัดชิงฯ ยูโรเสียอีก

 

ไม่นับความหวังที่อยากจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030 ที่อาจจะดับวูบได้ เพราะทำ ‘งามหน้า’ กันขนาดนี้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising