×

EURO 2020: เกมแรกและเกมเดียวของอังกฤษนอกสหราชอาณาจักร

โดย THE STANDARD TEAM
03.07.2021
  • LOADING...
EURO 2020: เกมแรกและเกมเดียวของอังกฤษนอกสหราชอาณาจักร

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • อังกฤษจะต้องไปแข่งขันกับยูเครนที่สตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม หลังจากได้เล่นในเวมบลีย์มาตลอดนับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มในฟุตบอลยูโรคราวนี้
  • ยูเครนภายใต้การคุมทีมของ อังเดรย์ เชฟเชนโก เดินทางมาได้ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติในการเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
  • พาทริก ชิก คือผู้เล่นที่ได้ลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวคนสุดท้ายที่ยังไม่ตกรอบในฟุตบอลยูโรคราวนี้ หลังจากที่นักเตะที่ยิงเกิน 3 ลูกคนอื่นๆ ตกรอบกันไปหมดแล้ว
  • แม้ที่ผ่านมาเดนมาร์กไม่แพ้สาธารณรัฐเช็กมาแล้ว 6 เกมติด แต่เกมนี้พวกเขามีกังวลเรื่องสภาพความฟิตของตัวผู้เล่นหลายตำแหน่ง

หลังจากได้สองทีมที่จะไปเจอกันในรอบรองชนะเลิศของสายบนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ในค่ำคืนนี้ทีมในสายล่างจะต้องลงสนามกันทั้ง 2 คู่ 4 ทีม เพื่อหาอีก 2 ชาติที่จะได้ตั๋วเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศ โดยทั้งสองคู่ที่จะลงสนามในค่ำคืนนี้ คือเกมระหว่างสาธารณรัฐเช็กพบกับเดนมาร์ก ที่สนามบากู โอลิมปิก สเตเดียม เวลา 23.00 น. และคู่ดึก ยูเครนพบกับอังกฤษ ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม เวลา 02.00 น.

 

แฮร์รี เคน กับ ราฮีม สเตอร์ลิง เป็นนักเตะเพียง 2 คนที่มีชื่อทำประตูให้อังกฤษ

 

ยูเครน vs. อังกฤษ เมื่ออังกฤษต้องรับมือกับคู่แข่งนอกบ้านเป็นครั้งแรก

ถึงแม้จะบอกว่าฟุตบอลยูโรคราวนี้ถูกจัดขึ้นในหลายๆ ชาติ หลายๆ สนามทั่วยุโรป แต่สำหรับอังกฤษแล้ว มันเหมือนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในครั้งนี้จัดขึ้นที่บ้านของพวกเขา เพราะจะได้เล่นในเวมบลีย์เกือบทุกนัด ยกเว้นแค่ในเกมที่พบกับยูเครนค่ำคืนนี้เท่านั้นที่พวกเขาต้องออกมาเล่นกันที่สตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งนี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในเส้นทางของพวกเขาก็ได้

 

อันที่จริงอังกฤษมีโอกาสจะไม่ได้เล่นในเวมบลีย์มากกว่า 1 เกม หากพวกเขาไม่สามารถจบด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่ม D ได้ แต่ในเมื่อทำได้ก็ทำให้เส้นทางของเขาค่อนข้างสะดวก และฟอร์มของพวกเขาในสนามเวมลีย์ก็ทำได้ดีมาตลอด แม้ฟอร์มการเล่นจะไม่ค่อยเข้าตา แต่ผลการแข่งขันก็ได้ดังใจ โดยเฉพาะในนัดที่เอาชนะเยอรมนีในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่เป็นการเอาชนะทัพ ‘อินทรีเหล็ก’ ในเวมบลีย์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปี

 

บรรยากาศในสนามและเสียงเชียร์จากแฟนบอลในกรุงโรมไม่ใช่สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องกังวล เพราะสภาพทีมในเกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ต้องลุ้นความฟิตนักเตะคนสำคัญทั้ง คีแรน ทริปเปียร์ และ ดีแคลน ไรซ์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่เกมกับเยอรมนีในนัดที่แล้ว แม้ว่าจะมีชื่อกลับมาซ้อมแบบเบาๆ ได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถกลับมาลงสนามได้หรือไม่ ขณะที่นักเตะอย่าง แฮร์รี แม็กไกวร์ กับ คาลวิน ฟิลลิปส์ ก็มีใบเหลืองคาดโทษอยู่ ถ้าโดนซ้ำไปอีกก็อาจจะส่งผลต่อการลงสนามเกมหน้าด้วย

 

ด้านยูเครนของภายใต้การคุมทีมของ อังเดรย์ เชฟเชนโก เดินทางมาได้ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติในการเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในการเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ สมัยเป็นนักเตะ ‘เชวา’ พาทีมเข้ามาเล่นฟุตบอลยูโรได้ครั้งแรกได้สำเร็จ และเขาพาทีมเข้าสู่รอบนี้ได้ในฐานะกุนซือ โดยสภาพทีมพวกเขาจะไม่มี อาร์เต็ม เบเซดิน ที่ได้รับบาดเจ็บหลังถูกเปลี่ยนลงมาเล่นในเกมที่แล้วที่เอาชนะสวีเดน ขณะที่ อังเดรย์ ยาโมเลนโก ก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนเล็กน้อยแต่น่าจะลงเล่นได้ในเกมนี้

 

จริงอยู่ที่ยูเครนมีชื่อชั้นเป็นรองทีมชาติอังกฤษ แต่จากผลงานการเจอกันที่ผ่านมา 6 นัดหลังพวกเขาก็ไม่ได้โดนขย่มมิดขนาดนั้น โดยอังกฤษชนะได้ 3 นัด เสมอ 2 นัด แพ้ 1 นัดก็จริง แต่ใน 2 นัดล่าสุดที่ทั้ง 2 ทีมเจอกัน เกมจบลงด้วยผลเสมอ ทั้ง 1-1 และ 0-0 ทำให้นัดนี้ยูเครนก็อาจจะไม่ถึงกับเป็นรองขนาดนั้น และเมื่อประกอบกับการที่อังกฤษไม่ได้เล่นในเวมบลีย์ในนัดนี้แล้ว ผลการแข่งขันที่ออกมาอาจจะน่าสนใจกว่าที่คาดก็ได้ 

 

เดนมาร์กโชว์ฟอร์มหรูด้วยการทำ 4 ประตูติดกัน 2 เกมแล้ว

 

สาธารณรัฐเช็ก vs. เดนมาร์ก การเจอกันของชาติขนาดกลางที่ไม่มีใครกลัวใคร

สาธารณรัฐเช็กเป็นชาติที่มีสถิติที่ค่อนข้างน่าสนใจในฟุตบอลยูโร พวกเขาจะเข้าสู่รอบลึกๆ สลับกับการตกรอบแรกมาตั้งแต่ปี 1996 จวบจนปัจจุบัน และหลังจากการตกรอบแบ่งกลุ่มในยูโร 2016 ในครั้งนี้พวกเขาก็เข้าสู่รอบลึกๆ ตามนัดได้จริงๆ แต่การต้องมาเจอกับเดนมาร์ก ทีมที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้เลยตลอดการเจอกัน 6 นัดหลังตั้งแต่ปี 2016 ก็ดูจะเป็นบททดสอบที่น่าสนใจไม่น้อย

 

พาทริก ชิก เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งดาวซัลโวคนสุดท้ายที่ยังอยู่ในเส้นทาง เขาทำไปแล้ว 4 ประตู ห่างจากผู้นำอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ที่ตกรอบไปแล้วเพียงแค่ 1 ประตู แต่ที่น่าสนใจคือบรรดานักเตะที่มีชื่อลุ้นดาวซัลโวในตอนนี้ มีอันตกรอบไปหมดแล้วทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่ โรนัลโด, โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม 4 ประตู), คาริม เบนเซมา (ฝรั่งเศส 4 ประตู) และ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (สวีเดน 4 ประตู) ดังนั้นน่าสนใจว่าชิกจะสามารถอยู่รอดจนยิงแซง CR7 ขึ้นไปเป็นดาวซัลโวได้ หรือร่วงตามไป

 

ขณะที่ฝั่งของเดนมาร์ก หลังจากสร้างเทพนิยาย ‘เดนส์’ ในปี 1992 พวกเขาก็วนเวียนตกรอบแบ่งกลุ่มเป็นส่วนมาก และบางครั้งก็ถึงขั้นไม่ผ่านรอบคัดเลือก ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในยูโร 2004 แต่ครั้งนี้ทีม ‘โคนม’ มีโอกาสไปไกลกว่านั้น และอันที่จริงอาจพอที่จะพูดได้ว่าพวกเขามีโอกาสไปไกลได้ถึงการลุ้นแชมป์เลยด้วย เพราะฟอร์มการเล่นใน 2 นัดหลังของทีมถึงขั้นดุ จากการยิง 4 ประตูมาแล้ว 2 นัดติด

 

แต่ปัญหาของเดนมาร์กอยู่ที่สภาพความฟิตของนักเตะ ขณะที่เช็กไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บให้ต้องปวดหัว ทว่าทีมของ แคสเปอร์ ฮูลจ์มานด์ ต้องลุ้นอาการของกัปตันทีมอย่าง ซิมง เคียร์ ที่ได้รับมาในเกมพบกับทีมชาติเวลส์ โดยหากเขาลงสนามไม่ได้ โจอาคิม แอนเดอร์เซน ก็จะลงทำหน้าที่แทน นอกจากนี้ ยูสซูฟ โพลเซน กับ ดาเนียล วาสส์ ก็เป็นนักเตะอีก 2 คนที่ยังไม่แน่ว่าพร้อมจะลงสนามหรือไม่

 

การเจอกัน 6 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม สาธารณรัฐเช็กไม่สามารถเอาชนะเดนมาร์กได้เลยอย่างที่กล่าวไปแล้ว แต่ทีม ‘โคนม’ ก็เอาชนะเช็กได้แค่นัดเดียวเท่านั้น โดยที่เหลือผลออกมาเป็นการเสมอกันถึง 5 นัด ดังนั้นเกมที่บากูในนัดนี้แฟนบอลอาจจะต้องเตรียมใจในการดูเกมยื้อเยื้อกันตั้งแต่เนิ่นๆ เลยก็ได้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising