น้ำมันหอมระเหย ทางเลือกของคนเกลียดไมเกรน

เรามั่นใจว่ามีคนที่ทรมานจากไมเกรน (Migraine) การปวดหัวด้านใดด้านหนึ่งหรือแรงหน่อยก็ทั้ง 2 ด้าน ปวดตั้งแต่ขมับหรือท้ายทอย หรือจะปวดไปทั่วศีรษะแล้วแต่บุคคล นานเกิน 20 นาทีแถมอาจจะมีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียนร่วมด้วย บ้างยังมีอาการตาพร่า เห็นแสงจ้าหรือแสงระยิบระยับก่อนเกิดอาการปวดตื้อๆ ราว 10-20 นาที ซึ่งสาเหตุของไมเกรนนั้นเกิดได้หลายปัจจัย ทั้งการอดนอน ดื่มแอลกอฮอล์มากไป รับประทานอาหารไม่เป็นเวลาจนระดับน้ำตาลในเลือดน้อย มองแสงจ้าๆ มากไปจนเรื่องของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ช่วงมีหรือหมดประจำเดือน ไปจนอาหารหรือยาบางชนิด

Photo: giphy.com

และแน่นอนว่าคนที่ทรมานจากไมเกรนต่างก็หาทางแก้หรือตัวช่วยสารพัด เรามีตัวช่วยหนึ่งที่น่าสนใจในการแก้อาการ นั่นคือการใช้เอสเซนเชียลออยล์ หรือน้ำมันหอมระเหย เนื่องจากการบำบัดด้วยกลิ่นหรืออโรมาเธอราปี ที่ใช้น้ำมันหอมสกัดจากพืชและดอกไม้นั้น แท้จริงแล้วสามารถช่วยบรรเทาอาการทางร่างกาย (และจิตใจ) ได้ โดยการบำบัดด้วยอโรมาเธอราปีมีครั้งแรกในปี 1928 โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส เรเน่-มัวริซ เกตต์โฟส์เซ่ (Rene-Maurice Gattefosse) ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว เอสเซนเชียลออยล์คงไม่ได้ทำให้ไมเกรนโบกมือบ๊ายบายไปจากชีวิตคุณหรอก (เสียใจด้วย) แต่สิ่งนี้กลับสามารถช่วยบรรเทาให้ไมเกรนเกิดน้อยลงหรือเบาลงได้

เรารวบรวมเอสเซนเชียลออยล์ที่ดีต่ออาการไมเกรนมาให้ทั้งหมด 7 กลิ่นหอมด้วยกัน “ลองเลือกกลิ่นที่เหมาะกับตัวคุณดูด้วยการใช้สัญชาตญาณที่มี” จัสมิน ราวส์ช (Jasmine Rausch) ผู้ก่อตั้ง Root Yoga Therapy ที่ชื่นชอบการใช้เอสเซนเชียลออยล์เผย

ลาเวนเดอร์ (Lavender)

ดอกลาเวนเดอร์มีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลาย ปลอบประโลมอาการเจ็บ บรรเทาอาการอักเสบ จัสมินอธิบายว่าลาเวนเดอร์ช่วยรับมือกับอาการไมเกรน ทำให้หลับพักผ่อนได้ดี กลิ่นหอมจะช่วยให้ร่างกายค่อยๆ สงบและผ่อนคลายในที่สุด

โรมัน คาโมมายล์ (Roman Chamomile)

ช่วยให้กล้ามเนื้อที่เกร็งอ่อนลง ปลอบประโลมอาการเจ็บ บรรเทาอาการอักเสบและช่วยให้ผ่อนคลาย คาโมมายล์เป็นทั้งตัวกระตุ้นและช่วยให้สงบผ่อนคลายสบายขึ้นไม่ต่างกับลาเวนเดอร์ จัสมินบอกว่า “ช่วยให้อาการปวดหัวสบายขึ้น ลดความเกร็งของกล้ามเนื้อที่เกิดจากไมเกรน” น้ำมันหอมระเหยโรมัน คาโมมายล์สามารถนำไปผสมกับลาเวนเดอร์, โรสแมรี และแฟรงคินเซิน (ยางไม้สนที่มีกลิ่นหอม)

โรสแมรี (Rosemary)

เป็นกลิ่นหอมที่ใช้เป็นเหมือนยาพื้นบ้านตั้งแต่สมัยโบราณนับร้อยปี ที่ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งเกร็งอ่อนลง ฟื้นฟูและปลอบประโลมอาการบาดเจ็บ และให้เลือดไหลเวียนดี ซึ่งโรสแมรีมีคุณสมบัติคล้ายๆ กับโรมัน คาโมมายล์ตรงที่สร้างความสดชื่น และนำไปผสมผสานกับน้ำมันหอมระเหยอื่นๆ อย่าง มาร์จอแรม, ลาเวนเดอร์, เปปเปอร์มินต์ และโรมัน คาโมมายล์ เพื่อเพิ่มประโยชน์ในการบำบัดได้ด้วย

เปปเปอร์มินต์ (Peppermint)

เอสเซนเชียลออยล์ที่มีส่วนผสมของเมนทอล มีคุณสมบัติกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดอาการกล้ามเนื้อเกร็ง บรรเทาอาการอักเสบและอาการระคายเคืองต่างๆ เปปเปอร์มินต์ยังเหมาะในการใช้ระหว่างวัน เพราะช่วยกระตุ้นพลังความสดชื่น และเมื่อการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ก็จะช่วยลดอาการปวดหัว ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นนั่นเอง

สวีต มาร์จอแรม (Sweet Marjoram)

พืชฝรั่งนี้ให้กลิ่นหอมอบอุ่นของสมุนไพรกับเครื่องเทศ ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดอาการกล้ามเนื้อเกร็ง บรรเทาอาการอักเสบ สวีต มาร์จอแรมมีความดีหลักๆ อย่างว่าง่ายๆ ก็คือ ช่วยให้กล้ามเนื้อที่เกร็งหรือบาดเจ็บผ่อนคลาย เพราะทั้ง 2 สาเหตุคือต้นเหตุของอาการไมเกรนนั่นเอง การทำให้เลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้นทำให้ระบบสูบฉีดเลือดดีขึ้น ช่วยให้ไมเกรนเกิดน้อยลงหรือเบาลง

แฟรงคินเซนส์ (Frankincense)

แฟรงคินเซนส์ช่วยฟื้นฟู สร้างความผ่อนคลายและบรรเทาอาการระคายเคือง เมื่อมีอาการเจ็บหรือตึงเครียดเรื้อรัง จัสมินแจงว่า “แฟรงคินเซนส์ช่วยทำความสะอาดและสร้างพลังงานใหม่ๆ ขับไล่ความซึมเซา เฉื่อยชา ที่เป็นต้นเหตุของไมเกรนและอาการแพ้ระคายเคืองได้”

ยูคาลิปตัส (Eucalyptus)

ความสดชื่นของยูคาลิปตัสนอกจากช่วยลดอาการไซนัสและโรคเกี่ยวกับช่องจมูกแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการปวดหัวอีกด้วย สร้างความผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ขจัดสารตกค้างในร่างกาย ลดการบวมน้ำและบรรเทาอาการระคายเคือง

ว่าแล้วก็ไปทดลองกลิ่นที่ถูกจริตมาช่วยบรรเทาอาการไมเกรนที่คุกคามคุณภาพชีวิตอยู่ แล้วบอกเราด้วยว่าได้ผลหรือไม่ อย่างไร #ขอให้ไมเกรนจงอยู่ไกลคุณ

อ่านเรื่อง กินอย่างไรไม่ให้ไมเกรนถามหา บอกลาอาหารชักนำการปวดไมเกรน ได้ที่นี่

ภาพประกอบ: Nuttarut B.

อ้างอิง:

FYI

วิธีอื่นๆ ในการช่วยบรรเทาหรือรักษาอาการปวดไมเกรน

สูดดมเกลือ ใส่เกลือละเอียดลงไปในขวดสีชาหรือสีน้ำเงินเข้มแล้วเติมน้ำมันมะพร้าวสกัดบริสุทธิ์ (Fractionated Coconut Oil) ประมาณ 75% และหยดเอสเซนเชียลออยล์ที่เลือกไว้ลงไป ที่ปากขวดมีช่องสำหรับสูดดม โดยขวดสีชาหรือขวดสีน้ำเงินช่วยรักษาเอสเซนเชียลออยล์ให้อยู่ได้นาน พ้นจากแสงหรือความร้อน
แบบโรลออน เลือกน้ำมันสกัดตัวนำ (Carrier Oil) อย่างน้ำมันสกัดเมล็ดแอปริคอต น้ำมันมะพร้าวสกัดบริสุทธิ์ น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันสวีตอัลมอนด์ ใส่ลงในขวดโรลออนที่เลือกไว้ประมาณ 75-80% และหยดเอสเซนเชียลออยล์ที่เลือกประมาณ 10 หยด ปิดขวดให้สนิท เขย่าผสมให้เข้ากัน เก็บให้พ้นแสงหรือความร้อน สามารถนำมาแตะแต้มบริเวณขมับหรือบริเวณที่เป็นไมเกรน
แบบใส่ขวด สามารถนำมาแตะลูบไล้บนผิว หรือนำไปหยดหรือฉีดบนหมอนก่อนนอนได้ ช่วยให้สงบผ่อนคลายนอนหลับได้ดีขึ้น ใส่น้ำมันสกัดตัวนำที่เลือกไว้ลงไป 75-80% หยดเอสเซนเชียลออยล์ 10 หยดผสมในขวดให้เข้ากัน เพื่อเก็บให้พ้นแสงหรือความร้อน จะทำให้ใช้ได้นาน