×

หุ้น ‘กลุ่มพลังงาน’ ยังไร้เสน่ห์ โบรกคาดงบครึ่งปีหลังฟื้นตัวช้าตามอุปสงค์ทั่วโลก

29.10.2020
  • LOADING...
หุ้นกลุ่มพลั โบรก คาดงบ ครึ่งปีหลัง ฟื้นตัวช้า

ภาพของหุ้นกลุ่มพลังงานในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ยังคงอยู่ในทิศทางเชิงลบต่อเนื่อง โดยดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมลดลงมาราว 6% หลังจากที่สามารถฟื้นตัวได้เล็กน้อยในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา



จักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า เดิมคาดการณ์ไว้ว่าผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงานในไตรมาส 3/63 จะฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี หลังจากที่ประเมินว่าไตรมาส 2/63 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงคือการฟื้นตัวในไตรมาส 3/63 น่าจะต่ำกว่าที่ประเมินไว้ค่อนข้างมาก ทำให้ผลประกอบการของกลุ่มน่าจะฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อย



ปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ผลประกอบการไตรมาส 3/63 ฟื้นตัวไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวัง คือ อุปสงค์ต่อน้ำมันและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ยังฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเพียง 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เทียบกับไตรมาสก่อน ทำให้กำไรจากสต๊อกน้ำมันไม่น่าจะมากอย่างที่ประเมินไว้ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ณ สิ้นไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 39.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคา ณ สิ้นไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 40.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


เมื่อประเมินต่อเนื่องไปในไตรมาส 4/63 คาดว่าผลประกอบการน่าจะทำได้เพียงทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาอ่อนตัวอีกครั้ง ล่าสุดปรับตัวลงมาแตะ 37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความต้องการใช้ที่ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่นซึ่งค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากโรงกลั่นกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับปกติ แต่อุปสงค์เติบโตไม่ทัน


“จะเห็นว่าราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปัจจุบันอยู่กึ่งกลางระหว่างจุดต่ำสุดช่วงเดือนมีนาคม กับจุดสูงสุดที่ราคาหุ้นฟื้นตัวกลับขึ้นมา สะท้อนให้เห็นว่าจุดต่ำสุดน่าจะผ่านไปแล้ว แต่ภาพการฟื้นตัวยังไม่ชัดเจน และหากวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยังพัฒนาไม่สำเร็จ ก็อาจจะเห็นหุ้นในกลุ่มพลังงานซึมลงต่อเนื่อง”


ส่วนกลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะยาวมองว่าราคาระดับปัจจุบันเป็นจุดที่ทยอยสะสมได้ เนื่องจากราคาอยู่ในระดับที่ไม่แพง โดยการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มน่าจะเห็นธุรกิจปลายน้ำฟื้นตัวได้ก่อน ทั้งกลุ่มค้าปลีกน้ำมันและปิโตรเคมี ด้วยราคาน้ำมันต่ำช่วยให้ต้นทุนลดลง ส่วนกลุ่มโรงกลั่นน่าจะถูกกดดันมากที่สุด เพราะด้วยราคาน้ำมันที่แกว่งตัวอยู่บริเวณ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่อุปสงค์ก็ยังไม่ฟื้นตัว


นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจจะมีผลกระทบต่อกลุ่มพลังงานในระยะถัดไป หาก โจ ไบเดน ซึ่งมีนโยบายสนับสนุนพลังงานสะอาดเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง อาจจะกดดันต่อกลุ่มพลังงานในสหรัฐฯ แต่สำหรับบริษัทนอกสหรัฐฯ อาจจะได้ประโยชน์จากการที่ภาวะอุปทานส่วนเกินลดลงไป


กำไรสุทธิของหุ้นกลุ่มพลังงาน (ENERG) ช่วง 6 ไตรมาสที่ผ่านมา



ไตรมาส 1/62 ทำได้ 69,509.77 ล้านบาท     

ไตรมาส 2/62 ทำได้ 60,033.42 ล้านบาท 

ไตรมาส 3/62 ทำได้ 45,515.36 ล้านบาท 

ไตรมาส 4/62 ทำได้ 40,342.38 ล้านบาท 

ไตรมาส 1/63 ทำได้ -22,174.53 ล้านบาท 

ไตรมาส 2/63 ทำได้ 30,430.42 ล้านบาท 

 


ด้าน บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ได้ปรับน้ำหนักในหุ้นกลุ่มพลังงานงานและปิโตรเคมีขึ้นเป็น Neutral จากเดิมที่เป็น Underweight โดยชอบหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีมากกว่ากลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมีปรับลดลง 13-17% จึงน่าจะสะท้อนแนวโน้มของผลประกอบการไตรมาส 3/63 ไปบ้างแล้ว


ขณะที่มูลค่าหุ้นของกลุ่มอยู่ในระดับต่ำ ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยราคาปัจจุบันของกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น ซื้อขายบน P/BV ระดับ -1.5 SD ถึง -2 SD ซึ่งเป็นระดับที่มีความเสี่ยงต่ำมาก และจากการศึกษาพบว่าด้วยมูลค่าระดับนี้ หากถือลงทุน 6 เดือน จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 10-20%


โดยสรุปเรากลับมาชอบหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีมากว่าน้ำมันและโรงกลั่น นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ยังมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน โดยตัวเลข PMI ในเดือนกันยายนที่เพิ่มมาเป็น 51.5 สะท้อนการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในจีน


นอกจากนี้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศจีนเติบโตในระดับ 11% ในเดือนสิงหาคม ถือว่าเป็นการขยายตัวระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561


PTTEP เผยกำไรไตรมาส 3/63 ลดลง 36% ทำได้ 7.2 พันล้านบาท

 

PTTEP รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/63 มีกำไรสุทธิ 7.2 พันล้านบาท ลดลง 36% จากปีก่อน แต่ฟื้นตัว 72% จากไตรมาสก่อน โดยราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 38.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจากปีก่อนที่ 46.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่เพิ่มขึ้นจาก 34.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อไตรมาสที่แล้ว ขณะที่ปริมาณขายทำได้ 3.44 แสนบาร์เรลต่อวัน ลดลงจาก 3.52 แสนบาร์เรลต่อวันเมื่อปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นจาก 3.27 แสนบาร์เรลต่อวันเมื่อไตรมาสที่แล้ว


ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าตลาดน้ำมันในไตรมาส 4/63 จะเป็นภาพของการค่อยๆ ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่การฟื้นตัวอาจจะช้ากว่าที่คาด เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ยาวนานกว่าที่คาดการณ์ จากการระบาดระลอกสองในประเทศสำคัญ เช่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สหรัฐฯ และอินเดีย ทำให้คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะฟื้นตัวกลับมาในระดับก่อนเกิดโควิด-19 อาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีหลังของปี 2564


โดยรวมคาดว่าราคาน้ำมันดิบ (ดูไบ) ช่วงไตรมาส 4/63 จะอยู่ในกรอบ 40-45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือ การเลือกตั้งสหรัฐฯ ต้นเดือนพฤศจิกายน และการประชุมใหญ่ประจำปีของกลุ่ม OPEC ในเดือนธันวาคม

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising