×

เดินป่าลุยหิมะผ่านคอร์สเมนูใหม่ของ ‘Elg’ ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งกลิ่นอายนอร์เวย์สุดอบอุ่น

09.12.2022
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • คอร์สเมนูใหม่ ‘Winter is Coming’ ได้แรงบันดาลใจมาจากฤดูหนาวของประเทศนอร์เวย์และแถบสแกนดิเนเวีย 
  • Pinnebrød หรือขนมปังแคมปิ้งของชาวนอร์เวย์ เป็นซิกเนเจอร์ประจำร้านที่จะพันมากับกิ่งไม้ กินคู่กับเนยจากเมืองโรรอส ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งมีแร่ธาตุสูงและรสเข้มข้น
  • Pork Belly เป็นคอร์สที่เราประทับใจสุดๆ เพราะนี่คือหมูสามชั้นที่นุ่มที่สุดเท่าที่เคยกินมา เชฟนำเนื้อไปซูวี 10 ชั่วโมง อบให้นุ่มละลายในปาก และเสิร์ฟพร้อมซอสคริสต์มาส

เราคิดถึงบรรยากาศฉลองเทศกาลคริสต์มาสในต่างประเทศมาก ทั้งหิมะหนาๆ ซุปร้อนๆ หรือกลิ่นอบเชยฟุ้งทั่วบ้าน ที่เป็นสัญญาณบอกว่าฤดูหนาวมาถึงแล้ว และถึงแม้ตอนนี้ตัวเราจะอยู่ใจกลางทองหล่อ แต่ทั้งอาหารและบรรยากาศที่ร้าน Elg กลับทำให้เราหายคิดถึงต่างประเทศไปได้สักพักเลย

 

เพราะแวะมาครั้งนี้เรามาชิมคอร์สเมนูใหม่ต้อนรับฤดูหนาว ‘Winter is Coming’ ที่ร้านจะเสิร์ฟจนถึงต้นปีหน้า แต่ละคอร์สได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศนอร์เวย์และแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ เชฟเบนซ์-คะณานน คนดี เคยใช้เวลาช่วงวัยรุ่นอยู่ที่นั่น

 

 

ด้วยความที่ปกติร้านตกแต่งสไตล์ยุโรป ทว่าตอนนี้เพิ่มการประดับประดาด้วยของตกแต่งคริสต์มาสเข้าไป เราเชื่อว่าบรรยากาศจะทำให้หลายคนนึกถึงการนั่งฉลองคริสต์มาสในบ้านหลังเล็กแต่อบอุ่นขึ้นมาได้แน่ๆ

 

และถ้าหากใครพร้อมฉลองฤดูหนาวสไตล์ชาวนอร์เวย์ในบ้านหลังนี้แล้ว มาดูกันว่าเชฟเบนซ์จะพาเราเดินป่า ล่าสัตว์ เก็บวัตถุดิบอะไรมาใช้ในคอร์สเมนูใหม่นี้กันบ้าง

 

 

เริ่มจากเตรียมตัวก่อนเดินทางด้วย ‘Pinnebrød’ หรือขนมปังแคมปิ้งของชาวนอร์เวย์ เป็นซิกเนเจอร์ประจำร้านที่จะพันมากับกิ่งไม้ กินคู่กับเนยจากเมืองโรรอส ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งมีแร่ธาตุสูงและรสเข้มข้น

 

ตามด้วย ‘Flatbrød’ ขนมปังแผ่นกรอบๆ ที่ชาวประมงนิยมพกขึ้นเรือไปกินระหว่างหาปลา เพราะเสียยากและพกง่าย ร้านทำในเวอร์ชันตัวเองด้วยการใช้แป้งสีนิล กินคู่กับปาเต้ทำจากตับเป็ดจังหวัดเพชรบูรณ์ ด้านบนเป็นน้ำมันมะกอกที่เสิร์ฟอุณหภูมิเย็น ทำให้กินแล้วสดชื่น ตัดรสด้วยความเปรี้ยวหวานจากฟิกแจมผสมเบอร์เบิน

 

 

กลับมาหนาวๆ ต้องเติมความอุ่นให้ร่างกายหน่อย ‘Barley Porridge’ เป็นโจ๊กสไตล์นอร์เวย์ที่ใช้บาร์เลย์และผสมคอตเทจชีส เชฟเติมเมล็ดบักวีตกรอบๆ เพิ่มความกรุบ โรยผงซินนามอน และใส่เชอร์รีหมักมาให้ตัดเลี่ยน เสิร์ฟมาคู่กับเนยละลายที่กรองจนใส ใครอยากเติมความหอมมันแค่ไหนก็ตามใจเลย

 

 

มาถึงนอร์เวย์จะพลาดจับแซลมอนไม่ได้ แถมฤดูกาลนี้ยังเป็นช่วงที่อร่อยที่สุดด้วย แต่แซลมอนที่เชฟนำมาใช้ทำเมนู ‘Cured salmon’ จะพิเศษขึ้นอีกหน่อย เพราะร้านบอกว่าเป็นแซลมอนที่เกิดใต้แสงออโรราในประเทศนอร์เวย์ ทำให้เนื้อมีไขมันมากกว่าปกติและมีสารอาหารสูง

 

เชฟจึงนำปลามาหมักเพิ่มรสชาติ เสิร์ฟในรูปแบบทาร์ต ใส่แรดิชดอง ท็อปด้วยโฟมฮอร์สแรดิชและไข่แดงที่นำไปฝังในเกลือและน้ำตาล 3 วัน

 

 

หลังจากเสิร์ฟซุปมันฝรั่ง ‘Last Summer Potato’ ที่มีไข่ปลาเทราต์และเบคอนให้กินอุ่นๆ ก็ตามจะด้วย ‘Monkfish’ ปลาน้ำลึกที่มีเยอะในแถบสแกนดิเนเวีย เสิร์ฟมาพร้อมเคลออยล์ ฟองดองมันฝรั่งท็อปด้วยเนื้อเรนเดียร์แห้งและซอสจูนิเปอร์

 

 

‘Pork Belly’ เป็นคอร์สที่เราประทับใจสุดๆ เพราะนี่คือหมูสามชั้นที่นุ่มที่สุดเท่าที่เคยกินมา แถมยังมีรสชาติดี กินสนุกด้วย โดยเชฟใช้หมูดำส่วนซี่โครงที่ชาวนอร์เวย์นิยมกินเป็นดั้งเดิม นำมาแยกหนังและทำเป็นหนังหมูกรอบๆ เสิร์ฟแยก เผื่อว่าใครอยากคุมไขมันในจานนี้ 

 

หลังจากนั้นนำเนื้อไปซูวี 10 ชั่วโมง อบให้นุ่มละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมเพียวเร่ลูกพรุน เมล็ดมัสตาร์ด ใบไควาเระ และซอสคริสต์มาสตที่ทำจากพริกเสฉวน กานพลู โป๊ยกั๊ก เปลือกส้ม และซินนามอน คอร์สนี้ให้กลิ่นอายอาหารจีนหน่อยๆ

 

 

เมนคอร์สต่อมาเป็น ‘Reindeer’ ที่มีความแน่นกว่าเนื้อวัว นำมาเซียร์ให้สุกหน่อยๆ ก่อนนำไปอบและโรยด้วยมอลต์ครัมเบิล กะหล่ำโคห์ลราบีเพียวเร่ ใบไควาเระ และซอสมอลต์

 

จานนี้กินคู่กับ ‘Stone Baked Potato’ มันฝรั่งอบในเปลือกชาโคล เพื่อให้รู้สึกย้อนยุคหน่อยๆ

 

 

หลังจากล้างปากด้วยโยเกิร์ตกรานิตตาก็มาถึงของหวานที่เริ่มด้วย ‘Brown Cheese Caramel’ อีกหนึ่งวัตถุดิบซิกเนเจอร์ของร้าน รอบนี้เสิร์ฟเป็นวาฟเฟิลสูตรพิเศษแทนแพนเค้กสไตล์นอร์เวย์อย่างครั้งก่อนๆ ให้เราจิ้มคู่กับบราวน์ชีส อาหารประจำประเทศนอร์เวย์ ที่หวงแหนจนไม่ให้ส่งออก แต่เชฟเบนซ์นำมาจากครอบครัวตัวเองให้ทุกคนได้ชิม

 

 

หลังจากนั้นตามด้วย ‘Lavender Macaron’ และเค้กแอปเปิ้ล ‘Musti’s Soft Applecake’ ที่เชฟใช้สูตรของคุณป้าชาวนอร์เวย์ที่สนิทเหมือนแม่คนที่สอง นำมาทำในรูปแบบคานาเล่ให้กินพร้อมเมอแรงและไอศกรีมรสเค็ม ก่อนปิดจบด้วย ‘Forest Berry Sorbet’ กับมอลต์ชิปส์ที่มีรสขมช็อกโกแลต เปรี้ยวเบอร์รี เป็นคำสุดท้ายที่ดีเลย

 

 

หากเทียบกับครั้งแรก เราว่าตอนนี้ร้านค่อนข้างเติบโตขึ้นมาก และมีรายละเอียดที่น่าสนใจกว่าครั้งแรกที่เจอกันเมื่อคอร์สฤดูใบไม้ผลิพอสมควรเลย ทั้งรสชาติที่ดูเข้าใจลิ้นคนไทยมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งกลิ่นอายนอร์เวย์ หรือการนำเสนอรสชาติอย่างมีความสมดุล ทำให้เรากินสนุกไปด้วย

 

Elg

Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) เวลา 17.00-22.30 น.

Address: ซอยสุขุมวิท 71

Budget: 3,450++ บาทต่อ 12 คอร์ส

Facebook: Elg bangkok

Map: 

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising