×

EEC แจงปมมีผู้ฟ้องศาลปกครอง เพิกถอนแผนผังที่ดิน ชี้ต้องท้วงภายใน 90 วัน ย้ำรับฟังความเห็นประชาชนมากว่า 40 ครั้ง

โดย THE STANDARD TEAM
16.07.2020
  • LOADING...

วันนี้ (16 กรกฎาคม) ทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการสายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ สายงานพื้นที่และชุมชน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ชี้แจงกรณีที่เครือข่ายประชาชน 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ระยอง ชลบุรี ได้ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ เพื่อขอให้เพิกถอนประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พ.ศ. 2562 นั้น สกพอ. ขอชี้แจงและให้รายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้

 

  1. การจัดทำแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินฯ สกพอ. ได้ดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อย หากต้องการท้วงติง ต้องดำเนินการภายใน 90 วัน หลังจากประกาศฯ ผังเมือง EEC มีผลบังคับใช้ กระบวนการจัดทําแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินฯ ดําเนินการโดย สกพอ. ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการจัดทำผังเมืองของประเทศไทยที่ประกาศใช้อยู่ทั่วประเทศ เป็นไปตามหลักวิชาการของผังเมืองและนโยบายการพัฒนาพื้นที่ EEC ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. … เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562

 

จากข้อกำหนดตามกฎหมาย คดีที่ศาลปกครองจะรับไว้พิจารณาได้นั้น นอกจากจะเป็นคดีปกครองแล้ว จะต้องยื่นคำฟ้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด คือต้องยื่นฟ้องภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ประกาศฯ ผังเมือง EEC มีผลบังคับใช้ กล่าวคือ ต้องยื่นฟ้องภายในระหว่างวันที่ 10 ธันวาคม 2562 ถึง 10 มีนาคม 2563 แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดเป็นสำคัญ

 

  1. การจัดทำแผนผัง EEC สกพอ. ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ยืนยันรับฟังความเห็นคนในพื้นที่รวม 40 ครั้ง ซึ่งทาง สกพอ. ได้ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง รวมทั้งหน่วยงานกลางและหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งภาครัฐและเอกชน จัดทำรายละเอียดแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ตามหลักวิชาการผังเมืองและนโยบายการพัฒนาพื้นที่ EEC โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ของชุมชน สุขภาวะของประชาชน สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ ประชาชน ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานในพื้นที่ สร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน และรับฟังข้อเสนอแนะของประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาเสมอมา โดยมีกำหนดไว้ชัดเจนใน พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 มาตรา 30 วรรคสาม

 

โดยการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมต่อการจัดทำแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินฯ ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 มีการจัดรวมไม่ต่ำกว่า 40 ครั้ง แบ่งเป็นเวทีที่เป็นทางการกว่า 25 ครั้ง และเวทีที่ไม่เป็นทางการกว่า 15 ครั้ง ประกอบด้วย ส่วนราชการระดับจังหวัด ระดับอำเภอ องค์กรภาคเอกชน ผู้ประกอบการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน (เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ผู้ใหญ่บ้าน) สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 30 อำเภอ โดยได้นำความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ มาปรับปรุงแก้ไขแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการของพื้นที่โดยตรง  

 

  1. ไม่มีการปรับพื้นที่เกษตรกรรมชั้นดีมาเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม แต่ได้มีการกำหนดพื้นที่ส่งเสริมเกษตรกรรมและพื้นที่โล่งเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ซึ่งการจัดทำผังเมือง สกพอ. ดำเนินการตามหลักวิชาการผังเมือง โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์กับชุมชน สุขภาวะประชาชน สภาพแวดล้อม และระบบนิเวศตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน การจัดทำแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ได้กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เหมาะสมตามศักยภาพของพื้นที่ โดยรักษาพื้นที่ป่าไม้เท่าเดิม รักษาพื้นที่เกษตรเท่าเดิม โดยส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่รักษาสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ธรรมชาติถึง 78.76% พื้นที่เมืองและชุมชน 13.23% และพื้นที่อุตสาหกรรมมีเพียง 5.12% และพื้นที่อื่นๆ (เขตทหาร แหล่งน้ำ) 2.89%

 

สำหรับการปรับสีผังเมือง ไม่ได้ใช้พื้นที่เกษตรกรรมชั้นดีมาเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม มีการปรับลดพื้นที่ที่สภาพปัจจุบันไม่เหมาะสมกับการทำการเกษตรแล้วเพียง 8.29% เพื่อเตรียมรองรับการใช้ประโยชน์สูงสุดในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยภาพรวมยังเป็นพื้นที่เดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงและยังจัดระบบให้มีประสิทธิภาพ โดยปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ 3 ประเภท ได้แก่

 

  1. กำหนดให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่โล่งเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมโดยรอบอ่างเก็บน้ำ ริมแม่น้ำ ลำคลอง เพื่อเป็นกันชนป้องกันการรุกล้ำแหล่งและรักษาสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นประมาณ 2.93%
  2. กำหนดพื้นที่พัฒนาเมืองและชุมชน เป็นพื้นที่รองรับการเป็นชุมชนเมือง และศูนย์กลางพาณิชยกรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 3.36%
  3. กำหนดพื้นที่รอบอุตสาหกรรมเดิม ในลักษณะคลัสเตอร์เพื่อรองรับการพัฒนา เพิ่มขึ้นประมาณ 1.99%
  4. สกพอ. และกรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) ดำเนินการชี้แจงและทำความเข้าใจ แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินฯ กับกลุ่มเครือข่ายเพื่อนตะวันออกเป็นการเฉพาะมาโดยตลอด มีการทำหนังสือชี้แจงระหว่างเดือนกรกฎาคม 2562 ถึง 10 มีนาคม 2563 สกพอ. ร่วมกับ ยผ. ได้มีหนังสือตอบชี้แจงประเด็นข้อร้องเรียนทั้งหมดมากกว่า 10 ครั้ง และผลการร่วมประชุมหารือเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลดังนี้ ผู้แทน สกพอ. และ ยผ. ได้ตอบประเด็นข้อร้องเรียน 8 ข้อเดิมอีกครั้งหนึ่ง 

 

ทางกลุ่มเครือข่ายฯ ได้ขอแก้ไขข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินเพิ่มอีก 4 ข้อ ซึ่งผู้แทน ยผ. ได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวครบทุกประเด็น และผู้เข้าร่วมประชุมท่านอื่นมีความเห็นว่า หลักเกณฑ์การตั้งนิคมและโรงงานอุตสาหกรรมมีความเข้มงวดมากอยู่แล้ว มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ต้องปฏิบัติหลายฉบับ และเมื่อพิจารณาแผนผัง EEC แล้ว เห็นว่ามีการดำเนินงานอย่างมีระบบ มีการกำหนดโซนนิ่งชัดเจน ดังนั้นจึงเชิญกลุ่มเครือข่ายร่วมกำกับดูแลเฝ้าระวัง การบังคับใช้แผนผัง EEC จะดีกว่า 

 

นอกจากนี้กำนันตำบลเขาดินมีความเห็นว่า ปัจจุบันที่ดินเสื่อมโทรมลง การประมงไม่ได้ผลผลิตคุณภาพ การมีอุตสาหกรรมในพื้นที่ จะสร้างรายได้และการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน และอุตสาหกรรมที่จะมาตั้งในพื้นที่ ก็เป็นอุตสาหกรรมสะอาดที่อยู่ร่วมกับชุมชนได้ แต่กลุ่มเครือข่ายเพื่อนตะวันออกยังคงมีความเห็นเดิมคือ ขอให้ทบทวนมติ กพอ. ที่ได้เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการนโยบายฯ       

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ได้มีกลุ่มชาวบ้านตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และอำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี มากกว่า 60 คน เดินทางมายื่นหนังสือนำเรียน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้เดินหน้าโครงการ EEC และขอให้เร่งรัดประกาศใช้แผนผัง EEC โดยเร็ว เนื่องจากเป็นความต้องการของคนในพื้นที่ที่แท้จริง โดยในการเรียกร้องให้เดินหน้าโครงการ EEC ครั้งนี้ ได้มีประชาชนในพื้นที่ร่วมลงชื่อจำนวนมากกว่า 500 คน

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X