วันนี้ (25 พฤษภาคม) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สมหวัง จำปาหอม ทนายความจากจังหวัดยโสธร ยื่นคำร้องให้ กกต. เร่งพิจารณาคำร้องการถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
สมหวังระบุว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนจับตา เชื่อว่า กกต. มีข้อมูลเพียงพอที่จะวินิจฉัยพิธาได้ ทั้งนี้ การถือหุ้นดังกล่าว เรื่องนี้ กกต. ได้ปล่อยให้พิธาถือหุ้นมาตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ทั้งที่ควรจะยื่นเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
สมหวังกล่าวเทียบเคียงกับกรณีผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี รายหนึ่งถือหุ้นบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เพียง 1 หุ้น และถูก กกต. เพิกสิทธิเลือกตั้งภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน โดยไม่มีผู้ร้องเรียน ซึ่งเรื่องนี้ กกต. ควรจะทำให้เกิดความเสมอภาคกับกรณีของพิธา ที่แม้จะหมดวาระของสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ก็จะมีผลต่อเรื่องเงินเดือนและผลประโยชน์ต่างๆ ดังนั้นตนจึงเดินทางมาจากจังหวัดยโสธรเพื่อขอให้ กกต. เร่งพิจารณาภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
สมหวังกล่าวต่อไปว่า อยากให้ กกต. พิจารณาคุณสมบัติของพิธาให้เสร็จสิ้นก่อนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง หากปล่อยไว้เช่นนี้จะเกิดความเสียหายต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้ารับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน จะต้องไปร้องศาลรัฐธรรมนูญและต้องจัดเลือกตั้งใหม่จะทำให้เสียงบประมาณ
“เรื่องนี้ กกต. สามารถทำได้ตามหน้าที่ แต่ถ้ารับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดย กกต. สามารถย้อนไปดูได้ว่าพิธาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลเมื่อใด และถือหุ้นสื่ออยู่หรือไม่ ก็จะพบว่าพิธาขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค ก็ไม่สามารถเป็น ส.ส. ได้ ประกอบกับทุกพรรคก็มีข้อบังคับพรรคในเรื่องการถือหุ้นสื่อ” สมหวังกล่าว
สมหวังกล่าวต่อไปว่า การมายื่นคำร้องในวันนี้ตนอยากเห็นความชัดเจน กกต. จะต้องทำหน้าที่โดยยึดความถูกต้อง กฎหมาย ไม่ใช่กระแสที่จะมากดดันได้ การที่ตนเดินทางมาจากจังหวัดยโสธรเพื่อมายื่นเรื่องต้องการให้เป็นข่าวเพื่อเร่งรัดการพิจารณาในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะการเมืองจะเดินต่อไปแบบไม่มีข้อกังขา ตนไม่มีความเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียใดๆ มาในฐานะประชาชน ไม่ใช่ผู้สมัคร ส.ส. เป็นคนธรรมดาที่ปกป้องประโยชน์แผ่นดินและอยากเห็นกฎหมาย ความถูกต้อง ไม่ใช่เอากระแสมาอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าทำแบบนี้บ้านเมืองจะอยู่รอดหรือ เมื่อกฎหมายเขียนไว้ต้องทำไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะพรรคไหนหรือใคร
สมหวังกล่าวอีกว่า เมื่อถึงวันที่ 30 มิถุนายน หาก กกต. ไม่ดำเนินการยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาสถานภาพของพิธาในการเป็น ส.ส. สมัยแรกแล้ว จะแจ้งความดำเนินคดีกับ กกต. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 หาก กกต. เห็นว่าพิธาไม่ผิด จะเจอกับตนอีกยาวแน่ ดังนั้น กกต. อย่าโบ้ยเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ควรรีบดำเนินการก่อนโดยไม่สนกระแสกดดัน พร้อมขอให้กำลังใจ กกต. ทำหน้าที่อย่าหวั่นไหว
“คนเราบอกว่าจะเป็นนักประชาธิปไตย คุณต้องเคารพกฎหมาย เคารพสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าคุณบอกว่ากระแสประชาชนไม่ยอม นั่นคือประชาธิปไตย มันหมดเวลาแล้วที่เราจะเอาคนมาลงท้องถนนเพื่อกดดันต่างๆ นาๆ คนที่เขาไม่เลือกคุณก็ไม่ได้น้อย” สมหวังกล่าว
