×

ถือเป็นการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ Dyson ประกาศสร้างโรงงานแบตเตอรี่แห่งอนาคตที่สิงคโปร์ ดึงคนเก่งซอฟต์แวร์ AI ขยายฐานผลิตเพิ่มเป็นสองเท่าทั่วโลก

03.05.2023
  • LOADING...
Dyson โรงงานแบตเตอรี่

Dyson ยักษ์ใหญ่วงการอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ประกาศสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ พื้นที่ก่อสร้างเทียบเท่ากับสนามบาสเกตบอล 53 สนาม ในสิงคโปร์ ชูจุดแข็งแบตเตอรี่ที่เหนือกว่าคู่แข่ง ขนาดเล็กกว่า เบากว่า ยั่งยืนกว่า ให้พลังงานมากกว่า ซีอีโอลั่น ถือเป็นการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์และจุดเปลี่ยนของบริษัท คาดแล้วเสร็จเต็มรูปแบบปี 2568 พร้อมทุ่มลงทุนกับบุคลากรซอฟต์แวร์ AI สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ผลิตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทั่วโลก

 

ระยะนี้ข่าวคราวการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกดูคึกคักมากเป็นพิเศษ ไม่แพ้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมไหน หัวใจหลักที่ขาดไม่ได้คือ ‘แบตเตอรี่’ จึงเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างแข่งขันกันทุ่มเม็ดเงินหรือดึงพาร์ตเนอร์สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่เหนือกว่า นาทีนี้เสมือนว่าใครเริ่มก่อนได้เปรียบก่อน

 

สำนักข่าว The Straits Times รายงานว่า Dyson บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ประกาศสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งอนาคตบนพื้นที่ S’pore สิงคโปร์ โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ AI เพื่อการผลิตสินค้าใหม่ๆ

 

James Dyson ผู้ก่อตั้ง เผยว่า แผนการลงทุนในโรงงานดังกล่าวยังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าได้ แต่จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุน 5 ปี มูลค่า 2.75 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 4.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์) ซึ่งจะมุ่งเน้นพัฒนาซอฟต์แวร์การเชื่อมต่อ AI และแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่ที่ผลิตขึ้นเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โดยมีจุดเด่นคือขนาดเล็กกว่า เบากว่า ยั่งยืนกว่า และมีพลังงานมากกว่าแบตเตอรี่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และจะช่วยขับเคลื่อนเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับ Dyson รุ่นต่อไปอีกด้วย

 

“ขณะที่แผนการลงทุนระยะยาว บริษัทยังคงมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าดิจิทัลไปพร้อมกับแบตเตอรี่แห่งอนาคตของ Dyson และพร้อมจะขับเคลื่อนยกระดับประสิทธิภาพสินค้า ซึ่งแผนลงทุนแบตเตอรี่ถือเป็นการพลิกโฉมและเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเพื่อความยั่งยืนของวิวัฒนาการเครื่องจักรของ Dyson” James Dyson กล่าว

 

Roland Krueger ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Dyson เผยว่า การขยายการผลิตขั้นสูงในสิงคโปร์จะช่วยให้ Dyson สามารถนำเทคโนโลยีที่มาจากแบตเตอรี่ใหม่ทั้งหมดออกสู่ตลาดได้ โดยมีทีมวิศวกรเชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ที่มีทักษะสูงของสิงคโปร์ พร้อมด้วยรัฐบาลสิงคโปร์ที่ให้การสนับสนุนอีกด้วย

 

ขยายการลงทุนฟิลิปปินส์-อังกฤษ ยกระดับ R&D สร้างศูนย์เทคโนโลยี

ปัจจุบัน Dyson มีโรงงานผลิตขั้นสูงทางตะวันตกของสิงคโปร์ ซึ่งผลิตมอเตอร์ ส่วนแผนสำหรับโรงงานผลิตขั้นสูงในสิงคโปร์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากสิงคโปร์แล้ว Dyson ยังจะลงทุน 166 ล้านปอนด์ ในฟิลิปปินส์ และอีก 100 ล้านปอนด์ ในสหราชอาณาจักร สำหรับงานวิจัย R&D ใหม่ หรือที่เรียกว่า ‘ศูนย์เทคโนโลยี’

 

ส่วนโรงงานในฟิลิปปินส์คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งจะรวบรวมการวิจัยและการพัฒนาการผลิตมอเตอร์ขั้นสูงไว้ในที่เดียวกัน โดยศูนย์แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Santo Tomas, Batangas ทางตอนใต้ของมะนิลา

 

ขณะเดียวกัน Dyson ตั้งเป้าที่จะรับสมัครวิศวกรอีก 400 คน ในฟิลิปปินส์ พร้อมด้วยวิศวกรระดับบัณฑิตศึกษาอีกมากกว่า 50 คน ซึ่งคาดว่าจะเข้าร่วมทีมในปี 2566

 

โดยจะมุ่งเน้นการวิจัยเกี่ยวกับซอฟต์แวร์, AI, หุ่นยนต์ และฮาร์ดแวร์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท

 

ส่วนสหราชอาณาจักร มีศูนย์ Bristol แห่งใหม่ ซึ่งจะเป็นเสมือนบ้านของวิศวกรซอฟต์แวร์และ AI ที่ทำงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในแผนขยายออกไปทั่วโลกช่วง 10 ปี เช่นเดียวกับทีมการค้าและอีคอมเมิร์ซสำหรับสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์

 

โดย Bristol ถือเป็นศูนย์กลางซอฟต์แวร์และทักษะดิจิทัลระหว่างประเทศ และจะผลักดันการสรรหาบุคลากรที่มีคุณสมบัติดีที่สุดจากทั้งในอังกฤษและต่างประเทศมาร่วมพัฒนาเพิ่ม

 

Dyson ปักธงกระจายสินค้า 80 ประเทศ

ล่าสุด ผลการดำเนินธุรกิจระบุ บริษัท EBITDA ลดลง 13.3% เป็น 1.3 พันล้านปอนด์ ในปี 2565 เทียบกับ 1.5 พันล้านปอนด์ ในปี 2564 เนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อกำไร

 

นอกจากการดำเนินงานในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอังกฤษแล้ว Dyson ยังมี R&D จีนอีกด้วย และในอนาคตยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และหน้าที่อื่นๆ ในมาเลเซีย ในขณะที่โปแลนด์เป็นที่ตั้งของซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การเงิน ตลอดจนทีมงานบุคลากรและธุรกิจอีกด้วย

 

ปัจจุบัน Dyson มีพนักงานมากกว่า 14,000 คน ใน 80 ประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย ที่มีเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป หรือ CMG เป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งมี 22 สาขาในประเทศไทย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising