×

Drama-addict ดราม่าเอย จงซับซ้อน ส่งเสียงและช่วยเหลือผู้คนให้มากยิ่งขึ้น!

03.09.2021
  • LOADING...
Drama-addict

ก่อนหน้านี้หลายคนรู้จักเพจ Drama-addict ในฐานะสังคมอุดมดราม่า (ตอนนี้ก็เป็นอยู่!) แต่ตอนนี้หากมีใครเจ็บป่วยขึ้นมา หาเตียงไม่ได้ ต่อสายด่วนแล้วไม่มีใครตอบรับ อย่างน้อยภายใต้ความดราม่าจะยังมีเพจของเขาเป็นอีกหนึ่งช่องทางคอยให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่  

 

THE STANDARD POP สนทนากับ จ่าพิชิต ขจัดพาลชน หรือ วิทวัส ศิริประชัย เจ้าของเพจ Drama-addict หนึ่งในเสียงจากโปรเจกต์ POP Powerful Voices in Crisis ถึงเหตุผลจำเป็นในการเปิดพื้นที่เพจเพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้เพื่อการรับมือกับโควิด บทบาทของการเป็นข้อต่อระหว่างผู้ป่วยกับกลุ่มจิตอาสา รวมถึงการใช้ ‘เสียง’ ในการสะกิดเตือนให้คนในสังคมเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และทวงถามความรับผิดชอบต่อความเสียหายจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของภาครัฐ 

 

หลายคำตอบในบทสนทนาสะท้อนให้เห็นว่า ความเพิกเฉยต่อหลากหลายชีวิตที่ต้องเจ็บป่วยล้มตายของใครบางคนคือเรื่องอำมหิตจนยากที่เขาจะให้อภัย 

 

ดราม่าเอย…จงซับซ้อน ส่งเสียงและช่วยเหลือผู้คนให้มากยิ่งขึ้น!

 

 

Q: คุณเริ่มตื่นตัวกับเรื่องโควิดตั้งแต่เมื่อไร 

Drama-addict: ตั้งแต่ตอนที่เริ่มมีข่าวไข้หวัดลึกลับปริศนาที่เมืองอู่ฮั่น เพราะเห็นสัญญาณว่ามันน่าจะเป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก หลังจากนั้นพอเริ่มมีการแพร่ระบาดตามพื้นที่ต่างๆ ขึ้นมา เราก็คอยให้ข้อมูลข่าวสารกับลูกเพจ

 

การระบาดระลอกล่าสุดมีปัญหามาก แต่ละวันจะมีลูกเพจส่งข้อความมาบอกว่า มีปัญหาจากการติดเชื้อแล้วไม่ได้รับความช่วยเหลือ ติดต่อผ่านช่องทางของหน่วยงานรัฐไม่ได้ โทรไปแล้วคู่สายเต็ม หรือบางคนส่งเรื่องไปแล้วแต่ไม่มีคนติดต่อกลับมา ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมาก จนตอนหลังเริ่มมีการล้มตายที่บ้านกันแล้ว เราจึงคิดว่า เฮ้ย อย่างนี้คงต้องมาช่วยกัน เราพอจะรู้จักกับผู้บริหารของหลายๆ หน่วยงานอยู่ จึงใช้ช่องทางนี้ในการช่วยเหลือประสานงาน เสนอกับทาง สปสช. บ้าง ทำงานร่วมกับกลุ่มจิตอาสาบ้าง 

 

Q: อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นมากที่สุด

Drama-addict: สิ่งสำคัญตอนนี้คือระบบการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ สถานการณ์ของโรคระบาดวิกฤตมาถึงขั้นนี้ ควรจะต้องมีการจัดตั้งวอร์รูมขนาดใหญ่กันได้แล้ว นายกฯ ผู้มีอำนาจ ควรจะออกมาสั่งการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องคนล้มป่วยตายคาบ้าน หรือตายกันอยู่ข้างถนน แต่แทนที่จะตั้งวอร์รูม พวกเขากลับออกมาสร้างกระแสโจมตีคนที่เผยแพร่เรื่องราวการเจ็บป่วยล้มตายของคนว่าเป็นข่าวปลอม ใครโพสต์ข่าวนี้จะดำเนินคดี เฮ้ย มันไม่ใช่ข่าวปลอม มันคือเรื่องจริง (เสียงสูง) ถึงตอนนี้ยังจะมีใครที่ไหนออกมาพูดไหมว่า ข่าวคนตายคาบ้านคือข่าวปลอมน่ะ 

 


 

 

Q: สำหรับคุณ อะไรคือสิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดในช่วงนี้

Drama-addict: ตอนนี้สิ่งที่แย่ที่สุดคือคนที่หลับหูหลับตาเชื่อรัฐบาล โดยไม่ได้ดูภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้าเลย สถานการณ์สังคมมาถึงจุดนี้ อย่างน้อยคุณต้องกล้าวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่หลับหูหลับตาอวย ดีที่สุด ยอดที่สุด ท่ามกลางคนมากมายที่กำลังล้มตายลงทีละคนๆ

 

เอาจริงนะ กับคนกลุ่มนี้ผมรู้สึกว่าไม่มีทางหูตาสว่างได้อยู่แล้ว ผมไม่สนใจเลย ผมคิดว่าเรานำเสนอให้ประชาชนคนอื่นๆ ทั่วไปที่ไม่ใช่พวกเขาดีกว่า ผมไม่อยากคุยอะไรกับคนที่ยังเพิกเฉยต่อความตายของคนร่วมสังคมอีกต่อไปแล้ว คุยไม่รู้เรื่อง ไม่มีความหวังอะไรทั้งสิ้นกับคนกลุ่มนี้ 

 

ครั้งหนึ่งผมเคยมีความหวังว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า (ถอนหายใจ) ยังไงดีล่ะ เหมือนเข็นครกขึ้นสวรรค์ ยากยิ่งกว่าเข็นขึ้นภูเขาเสียอีก ดังนั้นเราอย่ามัวเสียเวลาสื่อสารกับคนพวกนี้เลย สู้เราไปสื่อสารข้อมูลให้ประชาชนทั่วไปและกลุ่มที่เขาต้องการความช่วยเหลือยังจะดีกว่า 

 


 

 

Q: เหตุผลที่ทำให้คุณต้องออกมาส่งเสียงเรียกร้องหรือขับเคลื่อนสังคมคืออะไร 

Drama-addict: ถ้าคุณได้เจอคนหลังไมค์เข้ามาตั้งแต่สอบถามข้อมูล ขอความช่วยเหลือ ขอให้เราช่วยประสานงานเรื่องความเจ็บป่วย จนวันหนึ่งได้รู้ข่าวว่าคนคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ขอบคุณที่เราได้ให้ความช่วยเหลือเขาไปในวันนั้นนะ คุณจะรู้เลยว่าทำไมเราถึงต้องทำสิ่งนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากว่าทำไมนายกฯ ทำไมรัฐมนตรีต่างๆ ที่มีอำนาจสั่งการ ถึงไม่มีความรู้สึกแบบนี้บ้างเลย 

 

คนที่ลงมาแก้ไขปัญหานี้จริงๆ อย่างน้อยเขาต้องมีความรู้สึกอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาบ้าง แต่การที่คุณกลับยังนิ่งเฉยได้ อันนี้ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเหมือนกัน

 

Q: วันที่รู้ข่าวว่าคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือจากเราเสียชีวิตลง มันเป็นความรู้สึกแบบไหน

Drama-addict: หดหู่นะ (นิ่งคิด) คือรู้สึกว่า เฮ้ย ชีวิตคนไทยมันไม่มีค่าเลยเหรอ ชีวิตของคนในประเทศเรามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ เราควรจะหยุดความรุนแรงของเหตุการณ์ไปได้ตั้งแต่ระลอกก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นใครกันที่บอกว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด นี่ไง อะไรที่จะเกิดก็ให้มันเกิด เป็นยังไงล่ะ 

 


 

 

Q: เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร 

Drama-addict: อย่างน้อยต้องให้นายกฯ ลาออก ยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่ ผมคิดว่าในการจะแก้ไขปัญหา อย่างน้อยต้องเริ่มจากการยอมรับปัญหาเสียก่อน แต่ที่ผมรู้สึกตอนนี้คือ หนึ่ง รัฐบาลมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น สอง รัฐบาลไม่มีความสามารถเพียงพอในการแก้ไขปัญหา เขาจึงไม่ควรอยู่ในตำแหน่งนี้อีกต่อไป ควรจะลาออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นที่มีความสามารถ มีใจจะแก้ไขปัญหาเข้ามาทำแทน ทุกวันนี้ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขายังดันทุรังอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ยังไง ทั้งที่คนตายกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง โดยที่เขาไม่มีความสามารถในการทำให้วิกฤตมันดีขึ้น 

 


 

 

Q: อยากพูดอะไรกับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ร่วมวิชาชีพของเรา

Drama-addict: อยากบอกว่าช่วยเต็มที่เลยนะ ประชาชนและแอดมินเพจต่างๆ พร้อมซัพพอร์ตเต็มที่ คือเราต้องการให้หมอและพยาบาลมีกำลังใจ มีความปลอดภัยในการที่จะเอาชนะโรคนี้ให้ได้ ยกตัวอย่างเรื่องวัคซีน ตอนนั้นใครก็ไม่รู้ออกมาบอกว่า ฉีด Sinovac ให้หมอด่านหน้าก็เพียงพอแล้ว ผมไม่เห็นด้วยเลย แล้วก็รณรงค์มาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ได้ฉีด mRNA ซึ่งค่อยยังชั่วหน่อย แต่ผมคิดว่าคนที่บอกว่าให้หมอและพยาบาลฉีด Sinovac สองโดส แทนที่จะฉีด AstraZeneca คนคนนี้ควรจะรับผิดชอบต่อการตายของหมอและพยาบาลด้วย 

 

Q: จริงไหมที่ ‘สังคมไทยขับเคลื่อนด้วยการด่า’  

Drama-addict: ก็ใช่ มันก็ประมาณนี้แหละ คือเราต้องพยายามส่งเสียงออกมาให้ชัดเจนว่าเรื่องที่มันเฮงซวยมากๆ เราไม่เอาด้วย คงไม่ถึงกับต้องไปตีรันฟันแทง หรือใช้ความรุนแรงต่อกันหรอก แต่เราต้องแสดงท่าทีออกมาให้ชัดเจน เพราะหลายๆ เรื่องทุกวันนี้ เขาก็ทำเหมือนโยนหินถามทาง พอมีเสียงก่นด่ากลับไป แม่งก็ถอย

 

Q: คิดว่าเพจของคุณมีบทบาทในการขับเคลื่อนสังคมมากแค่ไหน

Drama-addict: คือผมไม่หน้าด้านพอที่จะให้คะแนนตัวเองสิบเต็มสิบเหมือนใครบางคนหรอกครับ เพราะทุกวันนี้ยังมีคนขอความช่วยเหลือเข้ามาแล้วยังช่วยไม่ทันอยู่เลย แต่เอาเป็นว่าจะทำเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน 

 


 

 

Q: การที่ภาคประชาสังคมมีบทบาทเป็นอย่างมากในการให้ความช่วยเหลือคนไทยยามประสบภาวะวิกฤต เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ 

Drama-addict: บางทีผมก็ว่ามันเยอะเกินไป จนเราไม่รู้ว่าจะมีรัฐบาลไว้ทำไม คือภาคประชาสังคมอาจช่วยได้แค่บางส่วนเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วหน้าที่ในการขับเคลื่อนสังคมคือหน้าที่หลักของรัฐบาล ประเทศชาติไม่ควรจะให้อาสาสมัครหรือกลุ่มจิตอาสาต่างๆ มาเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก

 

ทุกวันนี้กลายเป็นว่าพอประชาชนโทรไปหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้าไปรับคนป่วย เขากลับส่งต่อไปให้กลุ่มเส้นด้าย กลุ่มเราต้องรอด เฮ้ย มันผิดหรือเปล่า ภาคประชาสังคมเป็นแค่ส่วนเสริมเท่านั้น หน้าที่หลักมันคือของคุณนะรัฐบาล ซึ่งอันนี้ผมว่าเรากำลังใกล้เข้าสู่ภาวะรัฐล้มเหลวเต็มที 

 

วิกฤตโควิดทำให้ผมเข้าใจแล้วกับการที่มีคนบอกว่า การวิ่งหาเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลไม่เป็นผลดีในระยะยาว อ๋อ มันคืออย่างนี้นี่เอง ถึงจุดหนึ่งเราจะรู้ว่าสิ่งที่เราช่วยได้มันน้อยมาก แล้วกลายเป็นว่าสิ่งที่รัฐควรจะทำจริงๆ ซึ่งจะช่วยคนได้มากมายมหาศาลกลับไม่ได้รับการขับเคลื่อนไปในทางที่ถูกที่ควร ก่อให้เกิดผลร้ายตามมา อย่างเช่นที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ 

 


 

 

Q: ท่ามกลางเรื่องราวดราม่ามากมายในปัจจุบัน อะไรที่เราควรใส่ใจจริงๆ และอะไรที่เราไม่ควรดราม่ามากเกินไป 

Drama-addict: โควิดไงล่ะที่เราควรจะใส่ใจ เอาเป็นว่าได้หมดทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะดราม่าเรื่องอะไรก็ตาม ทั้งการบริหารจัดการของรัฐบาล เรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อ เรื่องประสิทธิภาพของชุดตรวจ ATK เรื่องสต๊อกยา ทุกอย่างมันอยู่ในหัวข้อโควิดทั้งหมด เราไม่สามารถจะเลือกใส่ใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วละทิ้งประเด็นอื่นๆ ไปได้ เพราะว่ามันเชื่อมโยงถึงกันทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะเราจะลงลึกไปในประเด็นไหนก็ตามนะ สุดท้ายมันก็จะวกกลับมาเจอปัญหาเรื่องการบริหารจัดการของรัฐบาลอยู่ดี 

 

ในการจะส่งเรียกร้อง คุณไม่จำเป็นต้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์เพจใหญ่ๆ หรือต้องมีคนรู้จักเยอะๆ เท่านั้นหรอก หากได้รับผลกระทบจากโควิด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หมอ พยาบาล ชาวบ้าน คนเก็บขยะ พนักงานขับรถ หรือพ่อค้าแม่ค้า เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น ชีวิตของคุณ ความเสียหายของคุณ คือเรื่องสำคัญ คุณควรจะออกมาพูด เราพร้อมจะรับฟัง แล้วเอาไปขยายต่อเป็นประเด็นให้สังคมได้ทราบว่ามีคนได้รับความเดือดร้อนเพราะการบริหารจัดการที่ส้นตีนของรัฐบาลนี้ 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising