ปลายปีนี้วงการอาหารเมืองไทยคึกคักจนนักชิมกระเป๋าร้อนไปตามๆ กัน เพราะนอกจากการมาของมิชลินสตาร์ที่เตรียมประกาศผลในไม่กี่สัปดาห์นี้แล้ว ก็ยังมีประสบการณ์การกินอาหารรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนจากบนพื้นดิน พื้นน้ำ มาเป็นกลางเวหา แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงการมาถึงของ ‘Dinner in the Sky’ บริการร้านอาหารรูปแบบใหม่จากประเทศเบลเยียม ที่ใช้เครนขนาดใหญ่ระดับ 50 เมตร หรือราวตึก 20 ชั้น โดยมีภาพความระยิบระยับของดาวบนดินกลางมหานครกรุงเทพฯ เป็นวิวที่เปิดโล่งแบบ 360 องศา ให้ได้ดื่มด่ำชื่นชมไปพร้อมๆ กับมื้ออาหาร
ปลอดภัยแค่ไหนกับมื้ออาหารกลางเวหา
สำหรับประสบการณ์การกินอาหารท่ามกลางความเสียวเหนือพื้นดินนี้มีจุดเริ่มต้นในปี 2006 ที่ประเทศเบลเยียม เมื่อ David Ghysels แห่ง Hakuna Matata มาร์เก็ตติ้งเอเจนซีที่โด่งดังเรื่องอาหารมาพบกับผู้เชี่ยวชาญด้านเครนอย่าง Stefan Kerkhofs แห่ง The Fun Group เพื่อจัดอีเวนต์เสิร์ฟอาหารบนฟ้าขึ้น นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดไอเดียใหม่ในการทำร้านอาหารและขยายสาขาสู่ทั่วโลก โดยใช้เครนเทเลสโคปิคเทคโนโลยีของเยอรมนี ขนาด 200 ตัน ยกชุดโต๊ะอาหารพร้อมลูกค้าทั้ง 22 คน รวมทั้งเชฟ 1 คน และพนักงานเสิร์ฟ 2 คน ขึ้นไปไว้กลางอากาศ ซึ่งเครนนี้ออกแบบให้สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัย DIN 4112 ของเยอรมนี และได้รับการรับรองมาตรฐาน TUV ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยชั้นนำระดับโลกของเยอรมนี
การันตีอีกชั้นด้วยจำนวนอุบัติเหตุเป็น 0 ตลอด 10 ปีที่เปิดให้บริการมา 47 ประเทศ รวมความถี่มากถึง 6,000 ครั้ง โดยทุกครั้งลูกค้าทุกคนจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยคล้ายกับตอนที่กำลังขึ้นรถไฟเหาะในสวนสนุก ส่วนเชฟและทีมงานที่ต้องเดินจัดอาหารอยู่ตลอดเวลาก็ต้องมีตัวสลิงโยงอยู่ที่เอวเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุดด้วยเช่นกัน ปัญหาอย่างเดียวที่เจอจึงเป็นเรื่องของความสูงที่ลูกค้าแต่ละคนควรจะสำรวจตัวเองให้พร้อมว่ามีความกลัวหรือกล้าพอหรือไม่ และไม่เพียงแต่ความปลอดภัยของผู้ที่อยู่บนเครนเท่านั้น Dinner in the Sky ยังได้จัดพื้นที่ใต้เครนให้เป็นเซฟตี้โซนที่ห้ามใครก็ตามเดินผ่าน ดังนั้นจึงหมดกังวลได้เลยว่าคุณจะมือไม้อ่อนยามอยู่บนอากาศจนทำแก้วไวน์ตกลงมาบนศีรษะใคร
เตรียมความพร้อมก่อนขึ้นเครน
เมื่อชัดเจนในความปลอดภัยคราวนี้ก็มาถึงเรื่องของอาหารและบรรยากาศกันบ้าง ทันทีที่ลูกค้ามาถึงจะสามารถนั่งเล่น ดื่มเครื่องดื่มสุดชิลล์ได้ที่เลาจน์ซึ่งมีบาร์เล็กๆ และมุมรับประทานอาหารในกรณีที่เกิดฝนตกหนักขณะดินเนอร์อยู่บนเครน นอกจากนี้ยังมีล็อกเกอร์ส่วนตัวให้แต่ละคนได้เก็บของ พร้อมห้องน้ำสำหรับเตรียมพร้อมก่อนขึ้นเครน แน่นอนว่าการปวดหนักเบาเป็นเรื่องธรรมชาติที่ยากจะหลีกเลี่ยง ถ้าใครต้องการเข้าห้องน้ำในขณะที่กำลังลอยฟ้าก็สามารถขอเจ้าหน้าที่แลนดิ้งลงมาพื้นดินได้เช่นกัน
ด้านอาหารมื้อพิเศษในเมืองไทยนี้สร้างสรรค์โดย Gaetano Palumbo, Executive Chef ประจำโรงแรมเชอราตันแกรนด์ สุขุมวิท มีให้เลือกทั้งอาหารนานาชาติ มังสวิรัติ และอาหารเทศกาลสำหรับคริสต์มาส ปีใหม่ วาเลนไทน์ รวมทั้งหมด 4 คอร์ส จับคู่กับไวน์และเครื่องดื่มซึ่งเชฟจะให้แขกแต่ละคนเลือกตั้งแต่อยู่บนพื้นล่าง โดยในส่วนของอาหารนั้นจะมีการเตรียมส่วนประกอบต่างๆ ไว้ให้พร้อมจากด้านล่างแล้วค่อยนำไปจัดแต่งลงจานขณะที่อยู่บนฟ้า ดังนั้นลูกค้าทุกคนจึงสามารถเห็นการทำงานของเชฟที่อยู่ตรงกลางได้อย่างใกล้ชิดไม่ต่างจากเชฟส์เทเบิลเลยทีเดียว และสำหรับใครที่ต้องการสร้างเซอร์ไพรส์ไม่ว่าจะเป็นเค้กวันเกิด เมนูซ่อนแหวนหมั้น หรือช่อดอกไม้ขอแต่งงานก็สามารถกระซิบบอกเชฟล่วงหน้าได้
ส่วนใครที่ยังนึกไม่ออกว่าจะต้องแต่งตัวอย่างไรให้เหมาะกับร้านอาหารสุดแหวกแนวนี้ เราขอแนะนำว่าโต๊ะอาหารที่ถูกยกไว้กลางอากาศนั้นมีลักษณะเป็นโครงเปิดโล่งรับลมจากทุกทิศทางแบบเต็มๆ จึงอาจจะต้องสเปรย์ผมมาอย่างดี ส่วนใต้เท้ามีฐานสี่เหลี่ยมให้วางเท้าอย่างพอดิบพอดี นอกจากนั้นคือความโล่ง ดังนั้นรองเท้าส้นสูงจึงไม่ใช่ปัญหา แต่แนะนำว่าให้ใส่รัดส้นมาสักนิดกันรองเท้าบินลงมาทักทายคนด้านล่าง ส่วนอุปกรณ์ถ่ายภาพไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือกล้องสามารถนำขึ้นไปได้ไม่จำกัด เพียงแต่ต้องระมัดระวังการร่วงหล่นด้วยตนเอง
คำเตือนเพียงอย่างเดียวของ Dinner in the Sky คือ ควรรีบจองโต๊ะล่วงหน้า เพราะจำกัดเพียงวันละ 2 รอบ รอบละ 1 ชั่วโมง คือ 18.00 น. และ 19.30 น. ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2560 ไปจนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จากนั้นจึงค่อยมาลุ้นกันว่า Dinner in the Sky จะย้ายไปยังแลนด์มาร์กใดของเมืองไทย
- อาหาร 4 คอร์ส จันทร์-ศุกร์ ราคา 4,990 บาท เสาร์-อาทิตย์ ราคา 5,390 บาท เปิดให้บริการวันละ 2 รอบ รอบละ 1 ชั่วโมง คือ 18.00 น. และ 19.30 น. สำรองที่นั่ง www.dinnerinthesky.co.th