จับตา! ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรมคริปโต หลัง Silvergate สั่งระงับเครือข่ายชำระเงินคริปโต โดยให้มีผลทันที พร้อมทบทวนความเสี่ยงธุรกิจ หลังไตรมาส 4 ขาดทุน 1 พันล้านดอลลาร์ ผู้ใช้แห่เลิกใช้บริการ หวั่นธุรกิจไปไม่รอด!
Bloomberg รายงานว่า บริษัท Silvergate Capital Corporation ตัดสินใจระงับเครือข่ายการชำระเงินคริปโตเคอร์เรนซี หรือที่เรียกว่า Silvergate Exchange Network เนื่องจากบริษัทได้ประเมินความเสี่ยงต่างๆ และเริ่มไม่แน่ใจเกี่ยวกับความอยู่รอดของบริษัท โดยมีผลบังคับใช้ทันที ส่วนบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการฝากเงินทั้งหมดยังคงดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ Silvergate Exchange Network นับเป็นแพลตฟอร์มที่มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากสามารถใช้บริการโอนเงินได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งถ้าเทียบกับเครือข่ายของธนาคารอื่นอาจต้องใช้เวลาหลายวันในการโอนเงิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ปิดฉากโครงการ ‘Libra’ อย่างเป็นทางการ หลัง Silvergate Bank ยืนยันการเข้าซื้อเทคโนโลยีและสินทรัพย์อื่นๆ ด้วยมูลค่า 6.7 พันล้านบาท
- ย้อนรอยวิกฤตคริปโต การล่มสลายของ FTX รอบนี้จะสั่นสะเทือนตลาดคริปโตได้เหมือนรอบ Mt.Gox ปี 2014 หรือไม่?
- บิล แอคแมน เริ่มใจอ่อน เผย มองคริปโตในมุมบวกมากขึ้น ถึงขั้นเริ่มเข้าลงทุนบ้างแล้ว
นอกจากนี้บริษัทยังได้ระบุในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (1 มีนาคม) ว่าบริษัทอยู่ระหว่างวิเคราะห์กฎข้อบังคับและตรวจสอบด้านกฎระเบียบบางอย่าง รวมถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจ หลังจากไตรมาส 4 เจอปัญหาขาดทุน 1 พันล้านดอลลาร์ ที่สำคัญในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เริ่มเห็นผลขาดทุน เนื่องจากลูกค้าได้ทยอยเลิกใช้บริการเพราะเริ่มกังวลเรื่องความปลอดภัยในช่วงที่ธุรกิจกำลังเผชิญความไม่แน่นอนอย่างหนัก
แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารแสดงความคิดเห็นเตือนสถาบันการเงินถึงความผันผวนในอุตสาหกรรมคริปโต
Michael Perito นักวิเคราะห์ของ KBW กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวเป็นที่น่าสนใจของอุตสาหกรรมคริปโต เนื่องจาก SI เป็นคู่สัญญาที่ได้รับการควบคุมสูงสุดและโปร่งใสที่สุดในตลาดการซื้อขาย จึงเป็นที่น่าจับตาว่าสถาบันการเงินของคริปโตในอนาคตจะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา Silvergate ได้เลื่อนการเปิดเผยผลประกอบการประจำปี
โดยระบุว่าบริษัทไม่สามารถยื่นรายงานผลประกอบการต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้ตามกำหนดในวันที่ 16 มีนาคมนี้ พร้อมกำลังประเมินว่าบริษัทจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หรือไม่ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตลาดคริปโต
อ้างอิง: