×

ราชทัณฑ์พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 499 ราย วางแผนฉีดวัคซีนผู้ต้องขังทุกรายให้เร็วที่สุด

โดย THE STANDARD TEAM
23.05.2021
  • LOADING...
ผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19

วันนี้ (23 พฤษภาคม) อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในเรือนจำและทัณฑสถาน ข้อมูล ณ เวลา 11.00 น. มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 499 ราย รักษาหาย 54 ราย รวมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการรักษา 14,787 ราย มีเรือนจำและทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้อ 12 แห่ง โดยพบรายใหม่ 6 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางเชียงใหม่ 9 ราย, เรือนจำกลางคลองเปรม 91 ราย, เรือนจำพิเศษธนบุรี 20 ราย, เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา 85 ราย, ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 2 ราย และเรือนจำกลางบางขวาง 292 ราย

 

อายุตม์กล่าวถึงการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ (ศบค.รท.) ในวันนี้ว่า ได้เน้นย้ำเรื่องการวางแผนฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังทุกรายเพื่อป้องกันเชื้อโดยเร็วที่สุด โดยให้แต่ละเรือนจำและทัณฑสถานที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเร่งประสานกับโรงพยาบาลแม่ข่ายในพื้นที่ ทำการตรวจคัดกรองเชื้อในเจ้าหน้าที่ทุกรายและสุ่มตรวจผู้ต้องขังเพื่อยืนยันว่าเป็นพื้นที่ปลอดเชื้อเพื่อดำเนินการฉีดวัคซีนก่อน เนื่องจากจะไม่สามารถฉีดวัคซีนได้หากยังพบการแพร่ระบาดจนไม่สามารถแยกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกันได้ชัดเจน ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วนเป็นหลัก 

 

นอกจากนี้ได้เน้นย้ำไปยังผู้บริหารเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง หากมีความต้องการวัสดุอุปกรณ์ใดให้รีบประสานงานมาที่ ศบค.รท. เพื่อดำเนินการจัดสรรให้เพียงพอต่อการใช้งานต่อไป

 

พร้อมกันนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตั้ง ศบค.รท. ขึ้น ทำให้การรวบรวมและรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานมีความคล่องตัว และเป็นระบบมากยิ่งขึ้น จนสามารถรายงานยอดผู้ติดเชื้อให้แก่ญาติผู้ต้องขัง ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้ทราบอย่างทั่วถึง ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะนำเรียนสถานการณ์ความเคลื่อนไหวให้ทราบอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดตามได้ที่หน้าเพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ หรือ LINE ID: @thaidoc และวอนสังคมอย่าหลงเชื่อกระแสข่าวลวงจากแหล่งข่าวที่ไม่ได้รับการยืนยันจนอาจสร้างความตื่นตระหนกและสร้างความเสียหายได้

 

พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising