×

ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา ‘พิธา-พรรคก้าวไกล’ ล้มล้างการปกครอง 31 ม.ค. 67 ‘พิธา’ งัดพยานหลักฐานสู้ มั่นใจไม่ผิด ม.112

25.12.2023
  • LOADING...

วันนี้ (25 ธันวาคม) ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานบุคคลในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในขณะที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลและพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ใช้เป็นนโยบายหาเสียง ถือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ 

 

ศาลนัดพิพากษา 31 มกราคมนี้ 

 

โดยวันนี้ศาลนัด พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ชัยธวัช ตุลาธน ในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกลขณะนั้นมาเข้ารับการไต่สวนในเวลา 09.30 น. พร้อมทั้งได้นำบันทึกคำให้การของพยานอีก 6 ปากมาประกอบการไต่สวน

 

หลังจากไต่สวนพยานบุคคลเสร็จสิ้น ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยศาลรัฐธรรมนูญได้นัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 31 มกราคม 2567 เวลา 14.00 น. 

 

มั่นใจไม่ผิด ม.112 

 

ขณะที่ชัยธวัชพร้อมด้วยพิธา ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนภายหลังเข้ารับการไต่สวนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีดังกล่าว โดยมีการเข้าให้ถ้อยคำนานกว่า 2 ชั่วโมง และหลังจากออกมาปรากฏว่ามีแฟนคลับเข้าไปห้อมล้อมให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง 

 

ชัยธวัชกล่าวว่า คิดว่าการไต่สวนเป็นไปด้วยดี เรายังมั่นใจว่าตามข้อเท็จจริงตามกฎหมายและเจตนาของเราสามารถชี้ได้ว่าไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง และก่อนหน้านี้ได้ทำคำชี้แจงในประเด็นสำคัญๆ มาก่อนหน้านี้แล้ว วันนี้หลักๆ มาตอบคำถามที่ตุลาการซักถามเพิ่มเติม ซึ่งมีคำถามหลากหลาย เพราะระหว่างไต่สวนรอบของพิธากับรอบของตนนั้น ตนไม่ได้อยู่ในห้องด้วย 

 

เมื่อถามว่าหลังศาลไต่สวนยังเชื่อมั่นหรือไม่ ชัยธวัชกล่าวว่า ยังเชื่อมั่นเหมือนเดิมว่าการเสนอร่างกฎหมายโดยการใช้กระบวนการนิติบัญญัติ และแก้ไขมาตรา 112 รวมถึงกฎหมายอาญาหมิ่นประมาท เรายังมั่นใจว่าไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ 

 

ทั้งนี้ การเสนอร่างใดๆ มีกระบวนการของสภาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวาระที่ 1, วาระที่ 2 และวาระที่ 3 ซึ่งต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ ต้องใช้กรรมาธิการในการคัดกรองพิจารณาเนื้อหาซ้ำอีกครั้ง ยังมีกระบวนการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญก่อนผ่านสภา ก่อนประกาศใช้จะสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นการเสนอกฎหมายไม่มีทางนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ 

 

ไม่ได้มีเจตนาล้มล้างการปกครอง 

 

ด้านพิธากล่าวว่า การไต่สวนในวันนี้ตนก็ยังมั่นใจว่ากระบวนการราบรื่นดี พอใจที่ได้แถลงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ข้อสงสัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทุกสิ่งที่ตั้งใจมาเป็นไปตามความคาดหมาย ยังมั่นใจในข้อเท็จจริงหลายๆ เรื่อง ข้อเสนอแก้ไขทางนิติบัญญัติไม่ได้มาจากพรรคเราเป็นพรรคแรก แต่มาจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชิน​วัต​ร เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นพรรคเดียวที่ยื่น ดังนั้นน่าจะยืนยันได้ในเรื่องของเจตนาว่า ไม่ได้มีเจตนาจะล้มล้างการปกครอง 

 

ไม่ว่าผลตัดสินจะเป็นอย่างไร ก็ยังทำงานกับพรรคก้าวไกล 

 

เมื่อถามว่าหากผลการตัดสินออกมาเป็นคุณทั้ง 2 คดี พิธาจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ พิธากล่าวว่า ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยังทำงานกับพรรคก้าวไกล แต่ถ้าออกมาเป็นคุณบทบาทของตัวเองในพรรคก้าวไกลก็ต้องรอเดือนเมษายน 2567 ที่จะมีการประชุมวิสามัญใหญ่พรรคก้าวไกล ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดอะไร สามารถทำงานการเมืองได้ทุกรูปแบบ ไม่กังวลใจ ยังสามารถทำงานต่อได้

 

เมื่อถามว่าการแก้ไขมาตรา 112 ยังจะสามารถเป็นนโยบายหาเสียงครั้งต่อไปได้หรือไม่ พิธากล่าวว่า นโยบายเป็นของ สส.ชุดที่แล้ว และเป็นเอกสิทธิ์ของ สส.ชุดที่แล้ว ตอนนี้เป็น สส.ชุดใหม่ ซึ่งยังไม่ได้มีการหารือพูดคุยกันในพรรคว่าปัจจุบันและอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ก็ยังเป็นข้อพิพาทในศาลรัฐธรรมนูญอยู่ 

 

ทำเต็มที่แล้ว ต้องรอคำพิพากษา 

 

เมื่อถามต่อว่าหากศาลวินิจฉัยทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หรือให้เรายุติและยกเลิกนโยบายนี้ จะส่งผลกระทบต่อจุดยืนในการทำงานของพรรคก้าวไกลหรือไม่ พิธากล่าวว่า ต้องรอให้คำพิพากษาศาลออกมาก่อน เป็นเรื่องของ สส.แต่ละคน ดูสถานการณ์บริบทของบ้านเมือง ซึ่งแตกต่างกันไปตอนที่เรายื่น ตอนนั้นก็ต้องเข้าใจว่าบริบทการเมืองมีการใช้ความรุนแรง และมีคดีมาตรา 112 เพิ่มขึ้นจากหลักสิบเป็นหลักร้อยเป็น 268 คดี 

 

ในปี 2563 โดยมีเยาวชน 20 กว่าคน ดังนั้นในปี 2564 เราจึงคิดว่านี่เป็นทางออกของการเมืองตอนนั้น ดังนั้นหลายเรื่องในหลายๆ เวลา ต้องดูว่าสิ่งสำคัญในระบบยุติธรรมคือการได้สัดส่วน เมื่อมีการละเมิดสิทธิก็ต้องหาทางออกในรัฐสภาที่เรายึดถือ ณ ตอนนั้น ตอนนี้ก็ต้องแล้วแต่ สส.แต่ละคน และสถานการณ์ ต้องดูองค์ประกอบหลายเรื่อง รวมถึงสถานการณ์ตอนนั้น

 

เมื่อถามว่าประเมินตัวเองหลังไต่สวนให้กี่คะแนน พิธากล่าวว่า คงไม่ตอบเป็นตัวเลขแต่ก็พอใจ หากย้อนกลับไปได้เท่าที่ตัวเองคิดตอนนี้ ก็คิดว่าไม่มีอะไรอยากจะทำเพิ่ม ทำเต็มที่แล้ว ตอนนี้ต้องรอคำพิพากษา ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่มาให้ปากคำเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ และคณะรัฐศาสตร์ 4-5 ท่าน มาให้ความเห็น ส่วนรายละเอียดว่าให้ความเห็นอย่างไรนั้นไม่สามารถบอกได้

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising