จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ว่า ที่ประชุมได้มีการประเมินตัวเลขการส่งออกสำหรับปี 2564 โดยคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 16% สามารถนำเงินเข้าประเทศได้ 8.58 ล้านล้านบาท
สำหรับสินค้าหมวดสำคัญๆ ที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นลำดับสูง ประกอบด้วย สินค้าการเกษตร สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม และสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งตัวเลขจะเป็นไปตามนี้ทั้งหมดหรือไม่ก็ต้องรอตัวเลขจริงสำหรับเดือนธันวาคมอีกครั้ง
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือในเรื่องของตัวเลขการส่งออกปี 2565 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะยังคงมีการขยายตัวเป็นบวกประมาณ 3-4% และคาดว่าจะมีตัวเลขการส่งออกประมาณ 9 ล้านล้านบาท หรือ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตัวเลขส่งออกในปี 2565 นั้นคาดว่าจะมากกว่าปี 2564 ประมาณ 4 แสนล้านบาท
จุรินทร์ระบุว่า การคาดการณ์ตัวเลขส่งออกในปี 2565 ว่าจะขยายตัวที่ 3-4% นั้นได้พิจารณาจากปัจจัย 8 ประเด็น ได้แก่
- เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญย้อนหลังไป 5 ปี
- อัตราแลกเปลี่ยน
- ราคาน้ำมันดิบดูไบ
- ราคาสินค้าเกษตร
- ราคาวัตถุดิบโลกเฉลี่ย
- สถานการณ์โควิด
- ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านการขนส่งโลจิสติกส์
- การประเมินโดยทูตพาณิชย์ของกระทรวงพาณิชย์ทั่วโลก
สำหรับหมวดส่งออกสำคัญ 4 กลุ่มในปี 2565 ประกอบด้วย
- สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ข้าว ผลไม้ น้ำตาล และอาหารเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ
- สินค้าที่เกี่ยวข้องกับทำงานที่บ้าน (Work from Home) เช่น คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ
- สินค้ากลุ่มเวชภัณฑ์
- วัตถุดิบที่ใช้เพื่อการผลิตสินค้า เช่น เหล็ก เม็ดพลาสติกเคมีภัณฑ์ และยางรถยนต์ที่จะนำไปใช้ในการผลิตรถยนต์ ฯลฯ
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังประเมินว่า การส่งออกไทยในปีหน้าจะมีปัจจัยสนับสนุน 7 ด้าน ดังนี้
- การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่ง OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ 4.5%
- การนำเข้าของประเทศคู่ค้า ในปีหน้าคาดว่ายังขยายตัวดี ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น หรือสภาพยุโรป
- ปัจจัยค่าเงินบาท ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะยังเอื้อต่อการส่งออก อยู่ที่ประมาณ 32-33 บาทต่อดอลลาร์
- การผลิตตู้คอนเทนเนอร์ป้อนตลาดโลกที่มากขึ้น
- การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล (e-Digital) ซึ่งจะช่วยเรื่องการส่งออกสินค้าด้าน IT ของไทย
- แผนจัดการแก้ปัญหาโควิดที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในภาพรวมของโลก
- ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) 15 ประเทศ ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP