ชาว THE STANDARD WEALTH น่าจะมีหลายคนที่ทันทีที่ลืมตาตื่น บิดขี้เกียจ เสร็จแล้วก็เดินตาปรือไปตามหาคาเฟอีนที่รักกัน ไม่ว่าจะเป็นการชงเองที่บ้านผ่านสารพัดเครื่องชง หรือการเดินออกไปหน้าปากซอยแล้วร้องหาลาเต้ร้อนสักแก้ว เป็นกิจวัตรประจำวันในยามเช้าที่คุ้นเคย
อาการโหยหาคาเฟอีนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคโควิดซึ่งเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนจำนวนมาก หนึ่งในสิ่งที่ถูกค้นพบว่ากลายเป็นเพื่อนยามยากของคนทั่วไปคือการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ที่ยิ่งโควิดอยู่กับเรานานมากเท่าไร ความผูกพันกับเครื่องดื่มสีดำกลิ่นหอมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- งานวิจัยใหม่ชี้ การดื่มกาแฟ วันละ 2-3 แก้ว อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ‘อายุขัย’ ยืนยาวขึ้น
- อยากเติมพลังยามบ่าย? ผู้เชี่ยวชาญแนะสูตร ‘Power Nap’ จิบกาแฟก่อนแล้วค่อยงีบ
- กาแฟก็แพง! ล่าสุดราคาตลาดโลกพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 10 ปี ขณะที่ผู้จัดการกองทุนลุยซื้อต่อเนื่อง
ตามผลการศึกษาของ Cinch Home Services ซึ่งได้สอบถามคอกาแฟกว่า 1,000 คนในอเมริกาเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาพบว่า มีคนที่ ‘ติดกาแฟ’ เพิ่มกว่าเดิมในช่วงโควิดถึง 34%
ขณะที่คนทำงานที่บ้านนั้นมีแนวโน้มที่จะดื่มกาแฟมากกว่าคนทำงานที่ออฟฟิศเข้าไปอีก จากเฉลี่ย 2.5 แก้วต่อวัน กลายเป็น 3.1 แก้วต่อวัน! โดย Starbucks และ The Coffee Bean & Tea Leaf คือแบรนด์ยอดนิยมสำหรับคอกาแฟ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจจากผลการศึกษาดังกล่าวก็คือ การดื่มกาแฟแก้วที่สองหรือแก้วที่สามของวันนั้นไม่ใช่การดื่มเพื่อความสุนทรีอะไร แต่เป็นการดื่ม ‘ชูกำลัง’ เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปรดักทีฟ
แต่ช้าก่อน บางทีการดื่มกาแฟจำนวนมากก็ไม่ได้แปลว่าการทำงานของคุณจะโปรดักทีฟเสียทีเดียว และมันอาจเป็นการดื่มที่เสียเปล่าก็ได้
เดี๋ยวลองมาดู 3 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนการดื่มกาแฟของคุณให้เป็นการดื่มกาแฟที่มีคุณภาพและได้ความโปรดักทีฟจริงๆ จังๆ กัน 🙂
1. ลืมตาตื่นอย่าเพิ่งร้องหากาแฟ
สำหรับคนจำนวนมาก สิ่งแรกที่คุณคิดเมื่อลืมตาตื่นคือ การรีบไปหากาแฟกระแทกคอสักหน่อยเพื่อความสดชื่น ซึ่ง…ผิด! เพราะการดื่มกาแฟทันทีที่คุณตื่นนอนนั้นจะเป็นการลดระดับพลังงานในร่างกายของคุณ
เรื่องนี้ แดเนียล พิงก์ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการและพฤติกรรม ได้ทดสอบวิทยาศาสตร์ของการเลือกช่วงเวลาว่าจะส่งผลกระทบต่อความโปรดักทีฟของเราอย่างไรบ้างในหนังสือที่ชื่อว่า When: The Scienfitic Secrets of Perfect Timing ซึ่งหนึ่งในหัวข้อที่มีการทดสอบคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการดื่มกาแฟ
ในหนังสือบอกไว้ว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการดื่มกาแฟแก้วแรกคือช่วงหลังจากที่ตื่นนอนแล้ว 60-90 นาที โดยเหตุผลคือคาเฟอีนนั้นจะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่จะคอยส่งสัญญาณให้ร่างกายของคุณตื่นและมีปฏิกิริยาตอบสนอง
ดังนั้นแทนที่จะตื่นแล้วรีบดื่มกาแฟเลย คุณควรจะปล่อยให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลได้ทำงานจนถึงช่วงพีคตามธรรมชาติก่อน ซึ่งปกติแล้วฮอร์โมนจะทำงานในระดับสูงสุดที่ช่วง 08.30 น. ก่อนจะลดระดับลง
ช่วงหลังจากนั้นแหละคือช่วงที่เราจะ ‘บูสต์’ ร่างกายของเราด้วยคาเฟอีนในกาแฟ
2. เลือกเมล็ดที่ใช่ให้ร่างกายที่ชอบ
ตามความเข้าใจของคนทั่วไปนั้น ยิ่งกาแฟเข้มเท่าไรก็ยิ่งดีสำหรับการกระตุ้นให้ร่างกายตื่น เอาแค่ความขมก็ชวนสะดุ้งแล้ว
แต่ความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ เพราะตามคำแนะนำของ ไมค์ บัลเดอร์รามา ที่ศึกษาวัฒนธรรมกาแฟ บอกว่า “ยิ่งกาแฟคั่วมาเข้มมากเท่าไร ก็ยิ่งสูญเสียคาเฟอีนไปมากเท่านั้น” ดังนั้นกาแฟที่จะช่วยเป็นตัวบูสเตอร์เติมความสดชื่นและพลังงานให้แก่ชีวิตนั้นควรจะเป็นกาแฟประเภทคั่วอ่อน (Light Roast)
และถ้าจะให้ดี ควรจะลงลึกลงไปอีกขั้น เพื่อให้ได้ทั้งปริมาณคาเฟอีนที่เพียงพอต่อร่างกายและรสชาติที่ใช่สำหรับคุณ เริ่มจากการดูว่าเมล็ดกาแฟนั้นปลูกจากแหล่งใดและเก็บเกี่ยวมาเมื่อไร ยกตัวอย่างเช่น ในฤดูหนาวที่สหรัฐฯ บัลเดอร์รามาแนะนำให้มองหาเมล็ดกาแฟสดๆ จากปาปัวนิวกินี, เคนยา, โคลอมเบีย และกัวเตมาลา ก่อน
อย่างไรก็ดี การจะชงกาแฟให้สมบูรณ์แบบเป็น Perfect Cup นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟอย่างเดียว ในความเป็นจริงแล้วมันมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘น้ำ’
“มากกว่า 98% ในแก้วกาแฟดริปคือน้ำ ดังนั้นถ้าน้ำไม่ดีกาแฟชงให้ตายก็ไม่อร่อย” คำแนะนำง่ายๆ คือ ไม่ว่าเราจะชงกาแฟร้อน ชงเป็นกา หรือทำกาแฟโคลด์บรูว์ น้ำที่ใช้ชงกาแฟควรจะเป็นน้ำที่กรองแล้ว หรือแม้แต่น้ำแข็งที่จะใส่ลงไปในกาแฟเย็นก็ควรทำจากน้ำที่กรองแล้ว เพราะมันจะช่วยให้คุณภาพกาแฟนั้นดีขึ้นอย่างแน่นอน
3. ‘Nappuccino’ งีบนิด-กาแฟหน่อย
นอกจากกาแฟที่จะช่วยให้เราหายง่วงได้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งง่ายๆ ที่จะช่วยเติมความสดชื่นให้แก่ร่างกายและสมองของเราคือการงีบ ซึ่งปัจจุบันมีผลการศึกษาแล้วว่า หากเราผสมผสานศาสตร์สองอย่างเข้าด้วยกัน จะทำให้ร่างกายตื่นตัวได้ถึงขีดสุด!
โดยผลการศึกษาในอังกฤษและญี่ปุ่นระบุว่า หากเราดื่มกาแฟทันทีก่อนจะงีบ แล้วหลับไปสัก 20 นาที หรืออาจน้อยกว่า เราจะกลับมามีสมาธิกับการทำงานได้ดีกว่าการที่เรางีบแบบปกติหรือดื่มกาแฟเฉยๆ
วิทยาศาสตร์ของการงีบนิดกาแฟหน่อยนั้นไม่มีอะไรยาก เพราะการนอนหลับจะช่วยลดปริมาณสารอเดนอซิน (Adenosine) ซึ่งจะเป็นสารที่ทำให้สมองและร่างกายเรารู้สึกเหนื่อย ส่วนกาแฟนั้นจะใช้เวลา 20 นาทีในการที่จะเริ่มต้นส่งผลต่อร่างกายในการบล็อกไม่ให้อเดนอซินทำงาน
ดังนั้นการดื่มกาแฟทันทีแล้วงีบ 20 นาที ก็คือการที่เราลดจำนวนสารอเดนอซินในระบบร่างกายของเรา ทำให้คาเฟอีนไม่ต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่หนักหนาอะไร และสามารถทำงานกระตุ้นร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทีนี้จะงีบตอนไหนดี? แดเนียล พิงก์ ทดลองมากับตัวเองด้วยการใช้วิธี Nappuccino ทุกวัน และพบว่าช่วงเวลาที่ดีคือการดื่มกาแฟแล้วงีบไปช่วง 2-4 โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลเริ่มลดลง
“มันเหมือนมีเวทมนตร์เลย ตอนที่ตื่นเราจะรู้สึกสดชื่นทันที เพราะเราได้การบูสต์จากคาเฟอีน และมันยังจะเป็นช่วงเวลาพักที่เราจะเฝ้ารอคอยหลังการทำงานมาหลายชั่วโมง”
ได้เคล็ดวิชาดีๆ แบบนี้แล้ว ลองไปปรับการดื่มกาแฟของคุณให้ถูกต้องนะ ส่วนผู้เขียนจิบกาแฟแล้วขอตัวไปงีบก่อน จะได้ตื่นมาโปรดักทีฟทำงานต่อ!
อ้างอิง: