×

ซีไอเอ็มบี ไทย คาดโอไมครอนไม่ระคาย GDP ไทยปี 65 ยังโตได้ 3.8% หากตัวเลขผู้เชื้อต่ำกว่า 10,000 รายต่อวัน

27.12.2021
  • LOADING...
อมรเทพ จาวะลา

อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า สำนักวิจัยซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่า การระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์โอไมครอน จะมีผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค​ ส่งผลให้การใช้จ่ายของประชาชนชะลอตัวชั่วคราวในช่วงปลายเดือนธันวาคมต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม​ อย่างไรก็ดี หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังต่ำกว่าระดับหนึ่งหมื่นรายต่อวัน​ การระบาดก็ไม่น่ากระทบเศรษฐกิจ​ไทย​รุนแรง​ และอาจเห็นการบริโภคเร่งขึ้นหลังความเชื่อมั่นฟื้น​ หรือเกิด ​Pent-up Demand โดยเฉพาะเมื่อคนไทยได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นกันอย่างทั่วถึง​ และยอดผู้ติดเชื้อลดลง​ 

 

ขณะที่การท่องเที่ยวจากต่างชาติอาจลดลงกว่าที่คาดบ้าง​ แต่ไม่ได้คาดหวังมากนักจากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในช่วงไตรมาสแรก​ เพราะคาดว่านักท่องเที่ยวจะมามากกว่าหนึ่งล้านคนต่อไตรมาส ในช่วงไตรมาสสามเป็นต้นไป ​ขณะที่จำนวนหลักแสนในช่วงไตรมาสแรกอาจลดลงบ้าง ก็ไม่น่ากระทบเศรษฐกิจ​ไทย​มาก​ โดยเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ​จากมาตรการทางการคลังน่าจะพอพยุงกำลังซื้อได้​ และเม็ดเงินราวสามแสนล้านบาทอาจหยิบมาใช้ได้ในช่วง​แรกของการระบาด​ และหากยืดเยื้อก็สามารถกู้เพื่อพยุงเศรษฐกิจ​ได้​

 

ส่วนมาตรการทางการเงินก็น่าจะผ่อนคลายต่อเนื่องด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำที่​0.50% ต่อปี​ และเร่งปล่อยซอฟต์โลนเพื่อเสริมสภาพคล่อง​ให้ธุรกิจ​ขนาดเล็ก และผู้ได้รับ​ผลกระทบ​จาก​การ​ระบาด​รอบ​นี้​ โดยการส่งออกสินค้าน่าจะยังคงเป็นแรงพยุงเศรษฐกิจไทยได้ต่อเนื่อง​ อีกทั้งกำลังซื้อระดับกลาง-บน น่าจะยังแข็งแรงอยู่​ เพียงรอความเชื่อมั่นและแรงจูงใจให้ใช้จ่ายจากมาตรการรัฐ ​ส่วนการท่องเที่ยวจากต่างชาติน่าจะยังเป็นตัวสนับสนุน​เศรษฐกิจ​ไทย​ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

 

ทั้งนี้ สำนักวิจัยได้ทำการประเมินผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2565 เอาไว้ 3 แนวทาง ได้แก่

 

1. หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันไม่เร่งขึ้น​ ยอดผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้​ ขณะที่หน่วยงานด้านสาธารณสุข​ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์​ได้จนไม่ต้องมีมาตรการจำกัดกิจกรรม​ทาง​เศรษฐกิจ ​เพียงแต่การบริโภคสินค้าและบริการอาจชะลอในระยะสั้น​ โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร​ โรงแรม​ ขนส่งคน​ อาหาร​ และเครื่องดื่ม​​ แต่น่าจะฟื้นตัวได้ภายในหนึ่งถึงสองเดือน​ คล้ายการระบาดรอบสองที่ผ่านมา 

 

นอกจากนี้​ อาจเห็นการเปลี่ยนความคิด จากไม่สามารถป้องกันการระบาดได้ เป็นการต้องอยู่ร่วมกับโควิด ​จึงไม่มีการปิดเมือง​ หรือจำกัดการเดินทางและการใช้จ่ายใดๆ​ และต้องติดตามว่าสายพันธุ์​โอไมครอนอาจไม่ได้ส่งผลรุนแรงต่อสุขภาพ​เท่าสายพันธุ์​เดลตา​ เพียงแต่ต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ​ โดยสำนักวิจัยเชื่อว่าในกรณีนี้ โอไมครอนจะไม่ระคายต่อเศรษฐกิจไทย และ GDP​ ไทย​ในปี 2565 จะโตได้​ 3.8% ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา 

 

2. ไม่ล็อกดาวน์ แต่กระทบภาคบริการไตรมาสแรก​ แม้ไม่มีการออกมาตรการจำกัดกิจกรรม​ทาง​เศรษฐกิจ​อย่างเข้มงวด​ แต่การที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว​ จะกระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค​ และจะยิ่งส่งผลให้การบริโภคชะลอตัว​ลง​

 

อย่างไรก็ดี​ สถานการณ์​น่าจะคล้ายช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนที่การใช้จ่ายแผ่วลง​ แต่เศรษฐกิจ​ไทย​ยังขยายตัวจากไตรมาสก่อนได้​ ด้วยแรงขับเคลื่อนจากภาคการผลิตและการส่งออก​ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบนอกเหนือจากภาคบริการและการท่องเที่ยว​เดินทางแล้ว​ กลุ่มการบริโภคที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นผู้บริโภคและแนวโน้มเสถียรภาพการจ้างงาน ​เช่น​ รถยนต์​ เสื้อผ้า ​และเฟอร์นิเจอร์ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ซึ่งในกรณีนี้ สำนักวิจัยคาดว่า GDP​ ไทยจะโตได้ใกล้เคียง 3% ​ 

 

3. โอไมครอนลามภาคการผลิต​ ห่วงโซ่อุปทานชะงักงัน​ หากปัญหาการระบาดลากยาว และรุนแรงจนส่งผลให้คนงานล้มป่วย หรือต้องมีมาตรการจำกัดจำนวนคนงานในโรงงานอุตสาหกรรม​ เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานจนกำลังการผลิตลดลง​ กระทบภาคการลงทุน​ อีกทั้งปัญหานี้กระจายไปยังประเทศต่างๆ​ จนโรงงานผลิตวัตถุดิบ​หรือชิ้นส่วนสำคัญต้องหยุดชะงัก​ มีผลให้ห่วงโซ่อุปทานในการผลิตสำคัญๆ​ ต้องพลอยชะงักงันไปด้วย​ เช่น​ รถยนต์​ รถจักรยานยนต์​ อุปกรณ์​อิเล็กทรอนิกส์​ และอาหารแปรรูป​ เช่น ไก่แปรรูป​ และอาหารทะเลแช่แข็ง​ GDP​ ไทยอาจะมีความเสี่ยงที่จะโตได้ต่ำกว่า 3%  

 

เนื่องจากการขาดแคลนสินค้าเพื่อส่งออกจะกระทบต่อการส่งออกของไทยอีกทอดหนึ่ง ​แม้กำลังซื้อในต่างประเทศจะไม่ทรุดตัวก็ตาม​ อีกทั้งปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และค่าระวางเรือที่สูงยังกดดันการค้าโลกต่อเนื่อง​ได้​ นอกจากภาคการผลิตแล้ว​ ภาคการก่อสร้างก็เสี่ยงชะลอตัว​จากปัญหาขาดแคลนแรงงาน​ หรือมาตรการจำกัดคนในพื้นที่​ ซึ่งรวมทั้งการก่อสร้างภาครัฐและภาคเอกชน​ 

 

โดยสรุปสำนักวิจัยยังมองว่า เศรษฐกิจ​ไทย​ปี​ 2565 จะดีกว่าปี 25​64​ เพราะอย่างน้อยคนไทยมากกว่า 70% ได้รับวัคซีนไปแล้ว​ และกำลังเดินหน้ารับเข็มกระตุ้นต่อเนื่อง​ อีกทั้งคนไทยเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับไวรัสนี้ได้ดีกว่าเดิม 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising