×

ชูวิทย์พร้อมฟ้องกลับเศรษฐา หลังส่งทนายฟ้องหมิ่นฯ กรณีเปิดข้อมูลซื้อขายที่ดินแสนสิริ แนะควรชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่ใช่ฟ้องกลั่นแกล้งเพื่อปิดปาก

โดย THE STANDARD TEAM
07.08.2023
  • LOADING...
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

วันนี้ (7 สิงหาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวถึงกรณีที่ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้ส่งทนายความยื่นฟ้องร้องชูวิทย์จากการจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนพาดพิงถึงเศรษฐา ในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ว่ามีการทำนิติกรรมลักษณะอำพรางโอนซื้อขายที่ดิน ร่วมกับเอกชนหลบเลี่ยงภาษี

 

ชูวิทย์กล่าวว่า ตนรู้สึกขนลุก ตอนนี้ตนมี 21 คดีแล้ว ที่ผ่านมาการเปิดโปงต่างๆ ก็ทำเพื่อชาติบ้านเมือง เศรษฐาซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะและกำลังเสนอตัวเองเป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน มีความเป็นนายทุน เมื่อเป็นนายทุนก็ได้ใช้รถไฟความเร็วสูงสายยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าไปในพรรคเพื่อไทย 

 

คุณสมบัติของเศรษฐาเป็นสิ่งที่ประชาชนอย่างตนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะหากอ้างอิงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 บุคคลที่เป็นนายกฯ จะต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ประเด็นนี้ตนได้ปรึกษาทนายมาเสมอว่า คุณสมบัติ ความซื่อสัตย์ คือความหมายเดียวกันหรือไม่ และคุณสมบัติในที่นี้เป็นการพูดถึงเรื่องในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

 

ชูวิทย์กล่าวต่อว่า ก่อนที่เศรษฐาจะเป็นนายกฯ จะต้องแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตให้เป็นที่ประจักษ์ ห้ามมีพฤติการณ์น่าสงสัย ส่วนประเด็นนี้ถ้าเศรษฐาจะฟ้องตน ตนก็ได้ปรึกษากับทนายความแล้วว่าจะฟ้องกลับเศรษฐาอีกรอบเลยดีหรือไม่ เพราะนี่ถือเป็นการกลั่นแกล้งให้ตนปิดปาก และอีกอย่างเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเดียว ตนมีประเด็นอื่นที่จะต้องแถลงต่อไป ดังนั้นสิ่งที่ตนพูด เศรษฐาจะต้องชี้แจง ต้องอธิบายให้ประชาชนรับทราบ การที่จะฟ้องเพื่อปิดปากถือว่าทำไม่ได้ จากนี้ตนจะไปยื่นหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป

 

ชูวิทย์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีทนายบางคนออกมาตอบโต้ตน ถือว่าไม่เป็นไร เพราะตนอยากเตือนว่าอย่าลืมคำว่าจริยธรรม คนที่เป็นนายกฯ จะต้องดี 100% ไม่ใช่ดีเพียง 50% คำว่าจริยธรรมเป็นเพียงเส้นบางๆ ระหว่างเล่ห์เหลี่ยมของนายทุนกับความซื่อสัตย์ของนายกฯ

 

สิ่งที่ทำนี้ถ้าคิดว่าถูกกฎหมายก็ต้องไปประกาศกับสังคมว่าสิ่งที่ทำเป็นกฎของเศรษฐา การแบ่งแยกโอนที่ดิน 12 คนต่อเนื่อง 12 วันที่เกิดขึ้นเปรียบเหมือนศรีธนญชัย มันเป็นสิ่งชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณวางแผนอะไรกัน

 

เมื่อถามว่าเมื่อไปยื่นเรื่องที่กรมสรรพากรได้คำตอบแล้วหรือไม่ ชูวิทย์กล่าวว่า ตนเป็นคนชอบขุด ชอบทำหลุมพราง ตนอยากบอกว่าการทำนิติกรรมอำพรางลักษณะนี้เคยมีการดำเนินคดีมาแล้ว มีการตัดสินคดีมาแล้ว มีบทเรียนมาแล้ว สิ่งที่ทำมีโทษตามกรรม เมื่อผู้ซื้อและผู้ขายร่วมทำนิติกรรมอำพรางด้วยกันก็จะต้องรับโทษตามกฎหมาย

 

“คนใส่สูทเวลาจะปล้นไม่ได้ใช้ปืน แต่ใช้กฎหมายเว้นวรรค” ชูวิทย์กล่าว

 

ด้านอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของชูวิทย์ กล่าวว่า หลักมีอยู่ว่าการกระทำความผิดในคดีอาญาต้องมีเจตนาเล็งเห็นผลได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กรณีที่เกิดขึ้นกับนักการเมืองและมีการตรวจสอบโดยประชาชนถือว่าประชาชนมีสิทธิตรวจสอบ

 

ถ้ามีผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหลายคนก็จะต้องคุยให้จบทุกคน จากนั้นเป็นขั้นตอนสู่การโอน ซึ่งการลดภาษีก็มีช่องทางวิธีการทำอยู่ ทั้งนี้ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

 

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising