ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2562 (3-5 ก.พ.) พบว่า ประชาชนยังกังวลเรื่องกำลังซื้อ นอกจากนี้พฤติกรรมของคนไทยเชื้อสายจีนรุ่นใหม่อาจไม่เคร่งครัดเท่าคนรุ่นก่อน จึงทำให้เทศกาลตรุษจีนน่าจะคึกคักน้อยลงกว่าปีก่อน
จากผลสำรวจคาดว่า ประชาชนจะเน้นกิจกรรมที่ประหยัดค่าใช้จ่ายลงจากเดิม มากกว่า 50% ของกลุ่มตัวอย่างมองว่า กำลังซื้อของตนเองไม่แตกต่างจากปี 2561 ที่ผ่านมา กลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงน้อยค่อนข้างอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านกำลังซื้อ อาจปรับลดค่าใช้จ่ายลงชัดเจน ทั้งการซื้อเครื่องเซ่นไหว้ การแจกเงินแต๊ะเอีย รวมถึงการทำบุญและท่องเที่ยวด้วย
88% ของกลุ่มตัวอย่างจะจัดชุดเครื่องเซ่นไหว้เอง เนื่องจากสามารถกำหนดงบประมาณเองได้ โดยตลาดสดใกล้บ้านยังเป็นแหล่งซื้อเครื่องเซ่นไหว้ที่ได้รับความนิยมสูงสุด สำหรับการทำบุญและท่องเที่ยวจะเน้นการเดินทางระยะใกล้ เนื่องจากไม่ใช่วันหยุดราชการ ส่วนใหญ่จึงเน้นการทำบุญหรือท่องเที่ยวในระยะใกล้แทน ส่วนการแจกเงินแต๊ะเอีย กลุ่มตัวอย่างเตรียมงบประมาณเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.4% ต่อคน และผู้ที่คาดว่าจะได้รับเงินแต๊ะเอียส่วนใหญ่เลือกฝากเงินกับธนาคารมากที่สุด เช่นเดียวกับปีก่อน จึงคาดว่าจะไม่เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแบบทันที
สำหรับมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% สำหรับการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในช่วงวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2562 ในวงเงินค่าใช้จ่ายไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อคน กลุ่มตัวอย่าง 60% เห็นว่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายให้มากขึ้นและสินค้ามีราคาถูกลง ส่วน 50% ของกลุ่มตัวอย่างคาดว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นและกล้าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2562 จะอยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.9% จากปี 2561 ส่วนใหญ่เลือกปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการทำบุญและท่องเที่ยว ขณะที่ค่าใช้จ่ายเครื่องเซ่นไหว้ยังทรงตัว และการให้เงินแต๊ะเอียมีแนวโน้มปรับลดลงชัดเจน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
