รายงานเกี่ยวกับการพัฒนากองทัพจีนฉบับล่าสุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา (เพนตากอน) ระบุว่า จีนได้ปล่อยเรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยพลังนิวเคลียร์ที่ติดอาวุธนำวิถีแบบร่อน (SSGN) ลำใหม่ลงจากอู่ต่อเรือทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งถือเป็นการยืนยันการมีอยู่ของเรือดำน้ำ Type 093B ที่พัฒนาต่อยอดและอยู่ในเรดาร์สังเกตการณ์ของนักวิเคราะห์ผ่านทางภาพถ่ายจากดาวเทียมมานานกว่า 18 เดือน
รายงานระบุว่า เรือดำน้ำดังกล่าวจะเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีเป้าหมายทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเขี้ยวเล็บที่มีเฉพาะในเรือดำน้ำของสหรัฐฯ และรัสเซียเท่านั้น
นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงบางคนมองว่ากองทัพเรือจีนมีความกระตือรือร้นอย่างมากที่จะนำเรือดำน้ำประเภทนี้เข้าประจำการ เพื่อใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้กับเรือบรรทุกเครื่องบิน รวมถึงใช้ทำลายระบบโจมตีบนภาคพื้น โดยมีพิสัยการโจมตีที่ไกลกว่ากองเรือดำน้ำขนาดเล็กที่มีอยู่ในปัจจุบันของจีน
สำหรับเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ติดอาวุธนำวิถีแบบร่อน (SSGN) นั้นในระยะแรกๆ พัฒนาโดยกองทัพเรือสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น เพื่อรับมือกับเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ในขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ก็พัฒนากองเรือดำน้ำของตนเอง โดยเปลี่ยนจากการติดตั้งขีปนาวุธมาเป็นอาวุธนำวิถีแบบโทมาฮอว์กที่ใช้โจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินแทน ซึ่งอาวุธนำวิถีแบบร่อนจะต่างจากขีปนาวุธที่เรารู้จัก คือบินที่ระดับความสูงต่ำและเลียดไปตามลักษณะภูมิประเทศและผิวน้ำได้
อย่างไรก็ตาม รายงานของเพนตากอนระบุว่าเรือดำน้ำแบบ SSGN ใหม่ 3 ลำของกองทัพจีนจะเข้าประจำการใช้งานภายในปี 2024 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายกองเรือดำน้ำทั้งแบบขับเคลื่อนด้วยพลังนิวเคลียร์และดีเซล โดยอาจมีจำนวน 65 ลำภายในปี 2025
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วนยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีอยู่ในเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของจีน โดยมองว่าอาจต้องใช้เวลาในการพัฒนาจนถึงปลายทศวรรษจึงจะพร้อม
ด้านกระทรวงกลาโหมของจีนได้วิจารณ์รายงานของเพนตากอนว่า “กล่าวเกินจริง และภัยคุกคามด้านการทหารของจีนนั้นไม่มีอยู่จริง”
แฟ้มภาพ: Mark Schiefelbein / Pool / AFP
อ้างอิง: