×

จีนเผยยอดส่งออกเดือน เม.ย. ขยายตัว 8.5% แต่นำเข้าวูบ 7.9% สะท้อนการบริโภคภายในยังอ่อนแอ ขณะที่กูรูยังเชื่อ GDP จีนโต 5% ตามเป้า

09.05.2023
  • LOADING...
ส่งออกจีน

สำนักงานศุลกากรจีนรายงานในวันนี้ (9 พฤษภาคม) ว่า ยอดส่งออกเดือนเมษายนของจีนขยายตัว 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.95 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ Wind ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงินในจีนคาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 6.4%

 

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของยอดส่งออกเดือนเมษายนชะลอลงจากเดือนมีนาคมที่ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 14.8%

 

ส่วนยอดนำเข้าเดือนเมษายนปรับตัวลง 7.9% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 2.0521 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ลดลง 1.4% ในเดือนมีนาคม และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะลดลงเพียง 0.1%

 

ในเดือนเมษายน จีนมียอดเกินดุลการค้าอยู่ที่ 9.02 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าในเดือนมีนาคมซึ่งอยู่ที่ 8.819 หมื่นล้านดอลลาร์ 

 

ทั้งนี้ ยอดการนำเข้าของจีนหดตัวลงอย่างมากในเดือนเมษายน และยอดการส่งออกขยายตัวช้าลง ตอกย้ำสัญญาณของอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ แม้ว่าจะมีการเลิกควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด และแรงกดดันมหาศาลต่อเศรษฐกิจทั่วโลกจะลดลงก็ตาม 

 

ทั้งนี้ การนำเข้าที่ลดลงเป็นสิ่งที่น่ากังวล เนื่องจากบ่งชี้ว่าอุปสงค์ในประเทศยังคงไม่สดใสและอาจไม่สามารถทดแทนกลไกการส่งออกที่ขาดกำลังได้

 

Bruce Pang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Jones Lang LaSalle กล่าวว่า อัตราการเติบโตของการนำเข้ายังคงลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งบ่งชี้ว่าการนำเข้าสินค้าของจีนยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นตัวในเร็วๆ นี้ รวมถึงการบริโภคภายในประเทศจะยังคงฟื้นตัวอย่างอ่อนแอต่อไป

 

การนำเข้าถ่านหินของจีนลดลงในเดือนเมษายนจากระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนในเดือนก่อนหน้า ซึ่งลดลงเนื่องจากอุปสงค์ลดลงในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก การนำเข้าทองแดงและก๊าซธรรมชาติก็ลดลงในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ไปยังจีนซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้การนำเข้าของจีนก็ลดลง 26.5% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 

 

“การนำเข้าที่หดตัวอาจมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลต่อการนำเข้าชิ้นส่วนประกอบสำหรับสินค้าส่งออกของจีนอีกทอดหนึ่ง” Zhiwei Zhang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Pinpoint Asset Management กล่าว

 

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอย่างเป็นทางการล่าสุดในเดือนเมษายน แสดงให้เห็นคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกใหม่หดตัวลงอย่างมาก โดยเน้นย้ำถึงความท้าทายที่ผู้กำหนดนโยบายและภาคธุรกิจของจีนต้องเผชิญ โดยหวังว่าจะมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหลังโควิด

 

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยังคงตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ไว้ที่ประมาณ 5% สำหรับปี 2023 หลังจากที่พลาดเป้าหมายในปี 2022 ไปอย่างน่าเสียดาย

 

นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ระบุในรายงานว่า เศรษฐกิจจีนได้ผ่านช่วงของการเปิดประเทศมาอย่างรวดเร็ว และจากการประชุมกับลูกค้าในจีนแผ่นดินใหญ่ครั้งล่าสุดได้ค้นพบว่า การมองเศรษฐกิจจีนในแง่ร้ายค่อยๆ จางหายไป แต่ก็ยังมีความกังวลและแรงกดดันเกี่ยวกับเงินฝืดอยู่ แต่ก็ยังไม่ใช่ความเสี่ยงหลักในปี 2023-2024 แต่อย่างใด 

 

ทั้งนี้ Goldman Sachs ยังคงคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP จีนในปีนี้ไว้ที่ 6% 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising