×

วิกฤตอสังหาจีนยังไม่จบง่ายๆ จับตา! ยอดหนี้ 11 ล้านล้านบาท ครบกำหนดจ่ายคืนปีหน้า

02.11.2022
  • LOADING...

วิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนดูเหมือนจะยังไม่จบลงโดยง่าย ล่าสุด Bloomberg รายงานว่า บริษัทอสังหาจะต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านสภาพคล่องอีกระลอกในปีหน้า ด้วยมูลค่าหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะครบกำหนดชำระคืนภายในสิ้นปี 2023 รวมกันถึง 2.92 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 11 ล้านล้านบาท 

 

สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ มีหนี้ภาคอสังหาจำนวน 5.37 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จะครบกำหนด ตามมาด้วยหนี้จำนวน 7.23 หมื่นล้านดอลลาร์ จะครบกำหนดในไตรมาสแรกของปี 2023 ซึ่งหนี้เหล่านี้รวมทั้งส่วนของหุ้นกู้และเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


Henry Loh หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้เอเชียของ abrdn Plc. กล่าวว่า “ถ้าเรามองคู่ขนานไปกับปี 2022 จะเห็นว่าแรงกดดันจำนวนมากเริ่มต้นขึ้นเพราะมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระพร้อมกันจำนวนมากในไตรมาสแรก ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าไตรมาสแรกของปี 2023 จะมีแรงกดดันจากการครบกำหนดจ่ายคืนหนี้ซ้ำเติมวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น” 

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความตึงเครียดยังมีสัญญาณบวกอยู่บ้าง ตลอดทั้งปี 2023 มีหนี้ที่จะครบกำหนดชำระรวม 2.38 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 25% จากปีนี้ และลดลงต่ำกว่าช่วงพีคที่ 3.81 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2021 

 

“แต่ด้วยกระแสเงินสดที่อ่อนแอลง จะทำให้แรงกดดันจากภาคอสังหาในปีหน้าหนักขึ้นจากปีนี้” Li Kai ผู้ร่วมก่อตั้ง Beijing Shengao Fund Management Co. กล่าว 

 

อุตสาหกรรมอสังหาคิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของเศรษฐกิจจีน ต้องเผชิญกับวิกฤตหนี้มานานกว่า 1 ปี โดยเริ่มต้นจากการที่รัฐบาลเข้ามาควบคุมการใช้เงินกู้ของอุตสาหกรรม แรงกดดันที่เกิดขึ้นทำให้ตลาดหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศดิ่งลงอย่างหนัก ท่ามกลางการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น และราคาบ้านใหม่ที่ลดลง 

 

CIFI Holdings Group Co. บริษัทอสังหาที่ใหญ่สุดอันดับ 15 ของจีน ราคาหุ้นเปิดดิ่งลง 26% ทันทีในวันนี้ (2 พฤศจิกายน) ทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทหายไป 464 ล้านดอลลาร์ หรือราว 91% จากมูลค่าเมื่อปีก่อน หลังบริษัทเปิดเผยว่าจะหยุดพักจ่ายคืนหนี้สกุลต่างประเทศ หลังจากที่บริษัทไม่สามารถที่จะระดมทุนรอบใหม่ได้ในปีนี้

 

ขณะที่บริษัทอย่าง Longfor Group Holdings Ltd. ราคาหุ้นลดลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับการลาออกของผู้บริหารสูงสุดของบริษัทเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา 

 

แม้แต่บริษัทอย่าง Greenland Holding Group Co. ซึ่งมีรัฐบาลถือหุ้นด้วยส่วนหนึ่ง และเป็นบริษัทที่ถูกมองว่ามีความมั่นคงที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม ราคาหุ้นก็ยังดิ่งลงทำสถิติต่ำสุดใหม่ และมีความเสี่ยงที่บริษัทจะผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนดในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ 

 

Raymond Cheng หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดจีนและฮ่องกงของบริษัทหลักทรัพย์ CGS-CIMB เปิดเผยว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องของปัญหาความเชื่อมั่น สภาพคล่องของบริษัทอสังหาจะตึงตัวมากขึ้นในอนาคต และทำให้ยอดขายจะชะลอตัวมากกว่าที่คาด” 

 

ทั้งนี้ ยอดขายโครงการใหม่ของบริษัทอสังหา 100 อันดับแรกของจีนลดลง 28.4% ในปีนี้ ขณะที่ Helen Qiao นักเศรษฐศาสตร์ของ Bank of America เปิดเผยว่า “เรายังไม่เห็นว่าสภาพคล่องของบริษัทอสังหาจะดีขึ้น มาตรการช่วยเหลือยังไม่เข้มข้นพอที่จะช่วยให้บริษัทเหล่านี้หลุดออกจากปัญหาสภาพคล่องได้ คำถามสำคัญที่ตามมาคือบริษัทเหล่านี้จะเอาตัวรอดไปได้อย่างไร” 

 

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Bloomberg Index ระบุว่า ตราสารหนี้ระยะสั้นของจีนมูลค่าลดลง 42% ในปีนี้ โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาลดลงหนักถึง 11% ขณะที่หนึ่งในบริษัทอสังหาอย่าง CIFI Holdings Group Co. ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่กำลังเผชิญปัญหา

 

วิกฤตภาคอสังหายังได้ส่งแรงกระเพื่อมไปยังตลาดหุ้นจีนโดยรวม และกดดันให้กองทุนรวมหุ้นจีน 99% ของทั้งอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับการขาดทุนในปีนี้ ข้อมูลจาก East Money Information Co. ระบุว่า กองทุนหลายแห่งเผชิญกับผลขาดทุนราว 30% ในปีนี้ ซึ่งก็รวมทั้งกองทุนหลักของ E Fund Management, Lombarda China Fund Management และ Invesco Great Wall Fund Management Co. 

 

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า วิกฤตอสังหาของจีนไม่น่าจะจบลงโดยง่าย และน่าจะเป็นปัจจัยรบกวนเป็นระยะ แม้ทางการจีนพยายามติดตามอย่างใกล้ชิด 

 

“สิ่งที่ยังพอเบาใจได้ในวิกฤตครั้งนี้คือปัญหายังไม่ลุกลามไปยังภาคการเงินมากนัก วิกฤตความเชื่อมั่นยังคงจำกัดอยู่แค่ในภาคอสังหา”  

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising