หมอเด็กในสหรัฐฯ เผย เด็ก-เยาวชนอเมริกันติดโควิดเพิ่มสูงเกือบเท่าตัวภายใน 1 สัปดาห์ หลังเดลตาระบาดหนัก

วานนี้ (3 สิงหาคม) กลุ่มหมอเด็กในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มีเด็ก-เยาวชนอเมริกันที่มีอายุตั้งแต่ไม่ถึง 1-17 ปี หรือ 18 ปี ติดโควิดสูงเกือบ 7.2 หมื่นราย (71,726 ราย) ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 22-29 กรกฎาคมที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้น 3.3 หมื่นราย หรือเกือบเท่าตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า (3.9 หมื่นราย) หรือเพิ่มขึ้นราว 5 เท่าของจำนวนเด็กที่ติดเชื้อในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

หลังจากที่มียอดผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็ก-เยาวชนลดลงในช่วงหลายเดือนก่อนหน้า การแพร่ระบาดของโควิดกลายพันธุ์สายพันธ์ุเดลตามีส่วนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมถึงยอดผู้ที่ติดเชื้อที่เป็นเด็กในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น จนกลายเป็นเชื้อสายพันธ์ุหลักที่แพร่ระบาดภายในประเทศแห่งนี้

จากรายงานพบว่า นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดมีเด็กกว่า 4.2 ล้านรายตรวจพบการติดเชื้อโควิด โดยผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็ก-เยาวชนคิดเป็น 19% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรายงานประจำสัปดาห์ฉบับล่าสุดของกลุ่มหมอเด็กในสหรัฐฯ

ปัจจุบันเด็กมีอายุต่ำกว่า 12 ปีในสหรัฐฯ ยังไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดได้ ท่ามกลางการแพร่กระจายของเชื้อเดลตาที่สามารถแพร่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้กลุ่มเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปีตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อได้ แม้ผู้ผลิตและพัฒนาวัคซีนหลายรายกำลังทดสอบการใช้วัคซีนในเด็กที่อายุตั้งแต่ 8 เดือน – 12 ปีอยู่ในขณะนี้ แต่ก็อาจต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักกว่าที่จะสามารถอนุมัติการใช้งานจริงได้

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดมี 7 รัฐภายในสหรัฐฯ ที่ยังไม่พบเด็กที่เสียชีวิตจากโควิด โดยยอดผู้เสียชีวิตที่เป็นเด็กอายุตั้งแต่ไม่ถึง 1-17 ปีในสหรัฐฯ อยู่ที่ 526 ราย โดยมีเด็ก-เยาวชนที่อายุ 12-17 ปีในสหรัฐฯ ราว 25 ล้านราย ในจำนวนนี้ราว 10.9 ล้านรายเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดแล้วอย่างน้อย 1 โดส ในขณะที่พลเมืองอเมริกันราว 165 ล้านราย หรือคิดเป็น 49.7% ของพลเมืองทั่วประเทศเข้ารับวัคซีนครบโดสแล้ว

บทความที่เกี่ยวข้อง: