แพทริก บูเอต์ หัวหน้าสภาแพทย์แห่งชาติฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ Le Journal du Dimanche ถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศว่า ฝรั่งเศสอาจจะต้องเผชิญหน้ากับการระบาดระลอกสองของโควิด-19 ซึ่งจะเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่คิด และอาจจะกลายเป็นสาเหตุหลักในการบ่อนทำลายระบบการดูแลสุขภาพ หากไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงการปฏิบัติ
“การระบาดระลอกสองจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่พวกเราคาดคิด เขา (โอลิวิเยร์ เวรอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) ไม่ได้พูดถึงกรอบเวลาในช่วง 3-4 สัปดาห์ว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม ฝรั่งเศสจะต้องเผชิญหน้ากับการระบาดอย่างรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มจะกินระยะเวลานานหลายเดือน” บูเอต์กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์
ทั้งนี้คำให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าสภาแพทย์แห่งชาติฝรั่งเศสเกิดขึ้นหลังจากที่ฝรั่งเศสได้ออกมาตรการข้อจำกัดใหม่ๆ เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในย่านที่มีการระบาดรุนแรง เช่น มาร์กเซย และกรุงปารีส ซึ่งบูเอต์มองว่าลำพังแค่มาตรการบางอย่างอาจจะไม่มีผลเพียงพอให้การยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายเกิดประสิทธิภาพ
เนื่องจากปัจจุบันระบบสาธารณสุขในฝรั่งเศสยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกับโควิด-19 ทั้งปัญหาบุคลากรแพทย์ที่มีจำนวนไม่เพียงพอจนส่งผลให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่หลายรายต้องทำงานต่อเนื่องโดยไม่ได้หยุดพัก ซึ่งหากการระบาดในระลอกสองเกิดขึ้นก็จะทำให้ระบบการดูแลสุขภาพในประเทศล้มครืนแบบไม่เป็นท่าได้
นับจนถึงวันเสาร์ที่ 26 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น ฝรั่งเศสมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 527,446 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้ว 31,700 ราย รักษาตัวหายแล้ว 94,891 ราย และอยู่ในระหว่างการรักษาที่ 400,855 ราย โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อใหม่ที่ 14,412 ราย ซึ่งยังถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยกว่าสถิติการพบผู้ป่วยใหม่ที่ 16,000 รายในช่วงวันพฤหัสบดีและศุกร์ที่ผ่านมา
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
