ความรีบเร่งในชีวิตประจำวันผลักให้เราต้องหันหน้าเข้าหาความสะดวกต่างๆ เพื่อให้แต่ละวันดำเนินไปได้ง่ายขึ้น แต่บางครั้งความสะดวก ความรวดเร็ว ความง่ายดายกลับสวนทางกับคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสิ่งนั้นเป็นเรื่องอาหารการกิน The Inconvenience Store: สะดวก จะ ตาย คือนิทรรศการศิลปะดิจิทัลกินได้ ที่ชวนตั้งคำถามเกี่ยวกับอาหารที่เราบริโภคในแต่ละวัน ผ่านอาหาร 5 คอร์ส โดย เชฟแอ๋-กุลพล สามเสน แห่งร้านยุ้งฉาง และ เชฟบิ๊ก-อรรถสิทธิ์ พัฒนเสถียรกุล แห่ง Autta Pop Up Dining ที่หยิบเอาภาพอาหารคุ้นตาในร้านสะดวกซื้อมาพลิกเป็นเมนูไร้สารปรุงแต่ง เสิร์ฟขึ้นโต๊ะท่ามกลางโมชั่นกราฟิกที่กระตุ้นทุกประสาทสัมผัสผ่านรูป รส กลิ่น เสียง แสง ให้รู้สึกตื่นตัวและชวนพิจารณาอาหารที่กำลังกิน
งานนี้สร้างสรรค์โดย ‘ลิงขี่เสือ’ กลุ่มนักออกแบบที่ต้องการสร้างพื้นที่แบ่งปัน และแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย โดยอาศัยงานศิลปะและอาหารเป็นสื่อกลาง ร่วมกับ ‘เอพี ไทยแลนด์’ เมื่อถึงเวลา เราเข้าไปสู่ลองเทเบิลในห้องอาหารขนาดกะทัดรัด ผนังห้อมล้อมฉายฉาบด้วยโมชั่นกราฟิกที่จำลองภาพร้านสะดวกซื้อแห่งอนาคต ซึ่งเป็นผลงานของสตูดิโอโมชั่นกราฟิก Another Day Another Render
The Inconvenience Store: สะดวก จะ ตาย จัดขึ้นที่ ATT 19 Art Gallery ถนนเจริญกรุง และเป็นส่วนหนึ่งในงาน Bangkok Design Week 2020 ดินเนอร์เริ่มวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์นี้ บัตร Early Bird ราคา 1,450 บาท ราคาปกติ 1,650 บาท สนใจสำรองที่นั่งได้ที่ https://bit.ly/2ZHEmF6
CHAPTER 1: 7th HEAVEN เมนูเรียกน้ำย่อยถูกเสิร์ฟเป็นคอร์สแรก ขณะที่ภาพบนผนังคือออโตเมติกแมชชีนที่เคลื่อนไหววูบวาบสะท้อนถึงความไวความด่วนของร้านสะดวกซื้อ และหากให้นึกถึงอาหารในร้านสะดวกซื้อที่มอบความอิ่มที่ฉับไว แซนด์วิชคือหนึ่งตัวเลือกที่หลายคนนึกถึง เชฟจึงนำแซนด์วิชมาตีความใหม่ กลายเป็น แซนด์วิชแซลมอนทาร์ทาร์ เสิร์ฟบนบริยอชบิสกิต ให้ยังเป็นอาหารที่กินง่ายอิ่มง่าย แต่ใช้วัตถุดิบที่ดีกว่ามาทำ
หมดจานแรก ผนังเปลี่ยนเป็นพื้นสีม่วง แต้มด้วยรอยด่างดวงสีเหลืองสะท้อนแสง เสมือนคราบสารเคมีเปรอะเปื้อน แล้วคอร์สที่สอง CHAPTER 2: TURN SOUR ก็มาวางตรงหน้า ในหน้าตาและสีสันที่เล่นล้อไปกับกราฟิกบนผนัง ซาลาเปาเป็นอีกหนึ่งเมนูอิ่มไวในร้านสะดวกซื้อ แต่ ซาลาเปาปูนิ่มทอดซอสมิโสะผงกะหรี่ ที่ทำสดใหม่ย่อมให้ความอร่อย และรสชาติที่ดีกว่าของที่ผ่านการแช่แข็ง
CHAPTER 3: ACCUMULATION เสิร์ฟมาในเถาปิ่นโต กับเมนู ติ่มซำไส้เป็ดแป้งบีทรูท 4 วิถี ที่ต้องไล่กินไปทีละชั้น โมชั่นกราฟิกที่เคลื่อนไหวไปพร้อมอาหารคอร์สนี้เป็นภาพร่างกายมนุษย์ที่มีสารเคมีไหลวน ส่วนเถาปิ่นโตก็คือตัวแทนร่างกายของเรา ชวนให้พิจารณาว่าอะไรที่เรากำลังจะเอาเข้าสู่ร่างกายในตอนนี้
คอร์สที่ 4 เล่นกับความเคยชินในการกินอยู่ กราฟิกบนผนังฉายภาพข่าวเกี่ยวกับพิษภัยของอาหารแปรรูป ขณะที่เมนูที่เสิร์ฟก็ท้าทายทางเลือกของคนกิน CHAPTER 4: YOUR TURN เป็น เนื้อริบอายไทย-เฟรนช์ หมักซอสตะไคร้ย่าง เสิร์ฟพร้อมข้าวยำทำเอง คำว่า ทำเอง ในที่นี้ คือเชฟเพียงจัดวัตถุดิบข้าวยำมาให้ แต่ตัวเราเท่านั้นที่จะเลือกใส่อะไรลงไป หนึ่งในเครื่องปรุงที่จัดมาคือผงชูรส ถ้าใส่ลงไปในน้ำยำก็คงจะเพิ่มความนัวอยู่หรอก แต่หากเลือกได้ เราจะยังเลือกทางที่เคยชินแต่ไม่ดีต่อร่างกายอยู่อีกหรือ
CHAPTER 5: POWER TO US, SMALL PEOPLE กับเมนู แอปเปิ้ลตุ๋นไวน์แดงและน้ำบีทรูทในเยลลีแอปเปิ้ลและเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ เป็นของหวานที่เสิร์ฟออกมาเป็นอย่างสุดท้าย ขนมวางมาบนแท่นไฟที่เปลี่ยนสีได้ เยลลีจึงเปลี่ยนสีตามไปด้วย บนผนังฉายโมชั่นกราฟิกดอกไม้หลากสีเรืองแสงที่บานสะพรั่ง และโปรยปลิวทั่วห้อง บอกถึงบทสรุปของการเลือกวิถีการกินที่ดีต่อตัวเราเอง