×

จาตุรนต์ ไม่ผิด ม.116 หลังศาลยกฟ้อง กรณีแถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. ปี 2557 ที่ FCCT

โดย THE STANDARD TEAM
22.12.2020
  • LOADING...
จาตุรนต์ ไม่ผิด ม.116 หลังศาลยกฟ้อง กรณีแถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. ปี 2557 ที่ FCCT

วันนี้ (22 ธันวาคม) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานจำเลยในคดีหมายเลขดำ อ.3055/62 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืนขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 37/2557, พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14

 

กรณีวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 จำเลยได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่อต้านการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. โดยแสดงให้ประชาชนเห็นว่าการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และคำสั่งหรือประกาศ คสช. ก็ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมระบุว่าการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อให้ประชาชนทั่วไปต่อต้านการคุมอำนาจของ คสช. เป็นการยั่วยุปลุกปั่นทำลายความน่าเชื่อถือของคณะ คสช. เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร  ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 16, 368, 91 พ.ร.บ. เกี่ยวกับการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร พ.ศ. 2550 มาตรา 14

 

โดยวันนี้จาตุรนต์เดินทางมาศาล พร้อมด้วย นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นทนายความให้จำเลย และประชาชนที่รอให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง

 

ต่อมาศาลอ่านคำพิพากษา พิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทำความผิดตามฟ้องมาตรา 116 หรือไม่ เห็นว่าตามมาตรา 116 ระบุว่า กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

 

แต่จำเลยเพียงแต่ไปงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) มีผู้เข้าฟังประมาณ 80 คน และจำเลยได้แถลงเป็นภาษาอังกฤษใจความสรุปได้ว่า ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมเรียกร้องให้คืนอำนาจให้ประชาชนโดยจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ขอให้ประชาชนอดทนและแสดงออกอย่างสันติวิธี แม้พยานฝ่ายโจทก์จะให้เหตุผลว่าจำเลยเป็นบุคคลที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ และตำแหน่งสุดท้ายคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นคนที่ประชาชนให้ความเชื่อถือ และการที่จำเลยได้แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับ คสช. ในช่วงเริ่มแรกของการยึดอำนาจ ซึ่งยังมีความไม่สงบในหลายพื้นที่ การกระทำของจำเลยอาจจะเป็นเหตุให้เกิดการยุยงปลุกปั่นประชาชนให้หลงเชื่อคล้อยตาม และออกมาต่อต้านการรัฐประหารจนเกิดความไม่สงบในบ้านเมือง 

 

แต่ความผิดตามมาตรา 116 ต้องปรากฏโดยชัดแจ้ง เป็นการละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน การที่จำเลยไปแถลงข่าวดังกล่าว เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพโดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการแสดงออกโดยคำพูดที่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับความคุ้มครอง ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏว่าหลังจากจำเลยได้แถลงข่าวแล้วมีประชาชนออกมาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายไม่สงบในสังคม และในข้อความที่จำเลยแถลงไม่มีข้อความใดที่เจตนาให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.

 

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยตามความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ หรือไม่ เห็นว่าโจทก์ไม่ได้มีพยานหลักฐานใดมาแสดงให้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เฟซบุ๊ก Chaturon.FanPage กลับได้ข้อเท็จจริงจากพยานว่าหลังจากจำเลยแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน จำเลยถูกควบคุมตัวและไม่อนุญาตให้จำเลยใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารใดๆ สอดคล้องกับพยานจำเลยยืนยันว่าหลังจากทหารเข้าควบคุมตัวจำเลยถูกยึดโทรศัพท์มือถือและไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ไม่สามารถติดต่อเครือญาติได้ เมื่อข้อความที่มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กตามที่โจทก์ฟ้องอยู่ในช่วงระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัว พยานหลักฐานของโจทก์จึงยังไม่มีมูลเพียงพอที่จะรับฟังได้ พิพากษายกฟ้อง

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising