วันนี้ (25 เมษายน) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย สมชาย แสวงการ อดีต สว., เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ นิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นักเคลื่อนไหวได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ให้เป็นความปรากฏต่อ ว่าด้วยการกระทำผิดฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ที่บัญญัติไว้ว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568
ชาญชัยกล่าวว่า วันนี้ที่มายื่นเป็นเรื่องที่เราพบการกระทำความผิดของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และกรรมาธิการงบประมาณของ สส. และ สว. มีการกระทำความผิดในรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งต้องห้ามไม่ให้ไปตัดงบประมาณ เกี่ยวกับเรื่องของการให้เงินกู้ ที่กฎหมายมีการบังคับเอาไว้ ประเด็นแรก พบปรากฏว่าได้ผ่านวาระ 1 เข้าไปแล้ว แต่ต่อมา ครม. ได้มีมติตัดงบประมาณ 35,000 ล้านบาท ที่มีการให้ไปกู้ตามมาตรา 28 ซึ่งเอามาใช้ในกิจกรรม และต้องชดใช้ดอกเบี้ยพร้อมเงินกู้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ห้ามมิให้แตะต้องเงินงบประมาณดังกล่าว
ประเด็นที่ 2 กรรมาธิการงบประมาณฯ ก็รู้ ในการประชุมครั้งที่ 38 มีการถกเถียงกันถึงมาตรา 144 แต่ต่อมาก็ให้ผ่านงบประมาณ ซึ่งในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า ให้ สส. และ สว. ถอดถอนงบประมาณนี้ และยังเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุไว้ว่าแม้แต่ ครม. รู้ว่ามีการกระทำ แต่ไม่ยับยั้ง จึงให้ถอดถอน ครม. ทั้งคณะ และยังเป็นครั้งแรกที่ให้อำนาจ ป.ป.ช. ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอน ครม. สส. และ สว. หากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีมูล อีกทั้งให้เรียกเก็บเงินทั้งหมดที่เอาไปทำเสียหายคืนแก่แผ่นดินภายใน 20 ปี ทั้งหมดนี้จึงมายื่นให้ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการต่อไป
ด้านเจษฎ์กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้า ป.ป.ช. เห็นว่ามีมูล ก็ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ แล้วศาลก็จะเป็นผู้วินิจฉัย ดังนั้นภาระของ ป.ป.ช. ไม่ได้ถึงต้องตัดสินเรื่องนี้เลย แต่ถ้ามีมูลก็ต้องดำเนินการโดยพลัน ซึ่งการดำเนินการของ ป.ป.ช. คาดว่าไม่เกิน 2 เดือน ส่วนถ้าส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลมีเวลา 15 วัน
เจษฎ์ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ความผิดนี้จะครอบคลุมตั้งแต่ ครม. ชุดของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และการกระทำดังกล่าวยังผลต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แยกเป็น 2 ประเด็น 1. การใช้งบประมาณที่ผิด 2. ได้มีโอกาสเข้าไปใช้งบประมาณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ส่วน สส. ก็จะเป็น สส. ชุดปัจจุบัน รวมถึง สว. ชุดปัจจุบันด้วยเช่นกัน
สำหรับความมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่ยื่นไปจะสามารถเอาผิดได้ สมชายกล่าวว่า ข้อมูลนี้เราศึกษากันมา 5-6 เดือน มีรายงานการประชุมของคณะกรรมาธิการต่างๆ มีมติ ครม. ยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ โดยตนเองและเจษฎ์ก็เป็นกรรมาธิการใน พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. ซึ่งเห็นแล้วว่าการใช้งบประมาณผิดประเภท ซึ่งเคยตักเตือนมาแล้วว่าขัดรัฐธรรมนูญ จึงมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดได้
ส่วนจะมองว่าเป็นการล้างไพ่ทางการเมืองหรือไม่นั้น สมชายกล่าวว่า คนทำผิดก็ต้องยอมรับ แค่นั้น คิดว่าเรื่องนี้จะช่วยแก้ปัญหาประเทศเพื่อไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้