วันนี้ (3 พฤศจิกายน) ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นกรณีการแถลงข่าวของ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. กทม. เขตจอมทอง กรณีที่ถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศว่า ตนเองได้ฟังการแถลงของไชยามพวาน เมื่อบ่ายวันนี้แล้ว โดยมีความเห็นส่วนตัวดังนี้
ชัยธวัชระบุว่า แม้ไชยามพวานจะแถลงว่าน้อมรับมติของพรรคและขอโทษ หากเห็นว่าการกระทำของตนเองถือเป็นการคุกคามทางเพศ แต่เมื่อพิจารณาสาระสำคัญในการแถลงแล้วจะเห็นได้ว่า ไชยามพวานไม่ได้สำนึกหรือยอมรับว่าพฤติการณ์ของตนเข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศแม้แต่น้อย และไม่ได้ขอโทษต่อผู้เสียหายอย่างจริงใจ
ไชยามพวานยังนำข้อความของผู้เสียหายรายที่ 1 มาแสดงต่อสาธารณะ โดยเจตนาจะแสดงให้เห็นว่า ตนเองกับผู้เสียหายมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้นการล่วงเกินทางเพศที่มีต่อผู้เสียหายคนดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวหาจึงเกิดขึ้นโดยความยินยอม หรืออย่างน้อยผู้เสียหายก็ไม่ได้แสดงการต่อต้านหรือความไม่พอใจใดๆ หลังเกิดเหตุ
ไชยามพวานได้แสดงข้อมูลเพื่อแสดงให้เห็นว่า การถ่ายรูปและคลิปของผู้เสียหายรายที่ 2 นั้น ไม่น่าจะถือเป็นการคุกคามทางเพศ และสุดท้ายไชยามพวานยืนยันว่า ตนเองแตะเนื้อต้องตัวผู้อื่นเป็นประจำ การแตะเนื้อต้องตัวผู้เสียหายรายที่ 3 เป็นไปในฐานะเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้มีเจตนาหรือเป้าประสงค์ทางเพศ
ชัยธวัชกล่าวต่อว่า ตนเองในฐานะที่เป็นกรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งของพรรคก้าวไกล ขอชี้แจงว่า คณะกรรมการบริหารพรรคทราบข้อเท็จจริงและข้อโต้แย้งข้อกล่าวหาทั้งหมดของไชยามพวาน โดยไชยามพวานพยายามแสดงหลักฐานเพื่อสื่อว่าการล่วงเกินทางเพศต่อผู้เสียหายรายที่ 1 เกิดขึ้นโดยอีกฝ่ายไม่เคยแสดงอาการไม่ยินยอมใดๆ เลย
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาแล้วเห็นว่า การล่วงเกินทางเพศเกิดขึ้นโดยผู้เสียหายอยู่ในสภาพมึนเมา ย่อมไม่อยู่ในสถานะที่สามารถให้การยินยอมหรือไม่ยินยอมได้ นอกจากนี้ ไชยามพวานยังมีพฤติกรรมที่ส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ โดยการพาผู้เสียหายไปที่คอนโดมิเนียมของตนเอง
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไชยามพวานกับผู้เสียหาย ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุการณ์ล่วงเกินทางเพศจะดูเป็นปกติหรือดีต่อกัน แต่ผู้เสียหายรายที่ 1 ไม่เคยยินยอมให้ไชยามพวานมีเพศสัมพันธ์ด้วยอีกเลย ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ย่อมต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย การมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไม่ได้หมายความว่าฝ่ายชายสามารถจะมีเพศสัมพันธ์กับฝ่ายหญิงได้ตามใจชอบ
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์อันดีอาจเกิดจากความต้องการทำงานร่วมกับพรรคและ สส. ของพรรคในอนาคต ซึ่งเมื่อไชยามพวานได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เขาได้ลดการมอบหมายงานให้ผู้เสียหายรายที่ 1 ภายหลังจากที่มีผู้เสียหายรายที่ 2 เข้ามาเป็นทีมงานของตนเอง
ส่วนกรณีผู้เสียหายรายที่ 2 นั้น คณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้พิจารณาความผิดจากข้อเท็จจริงเรื่องการถ่ายรูปและคลิปตามที่ไชยามพวานกล่าวถึง เนื่องจากเห็นว่ารับฟังไม่ได้ว่าเป็นการคุกคามทางเพศจริง แต่คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า นอกจากจะมีพฤติการณ์แตะเนื้อต้องตัวผู้เสียหายแล้ว ขณะไชยามพวานเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังได้ชักชวนผู้เสียหายรายที่ 2 ไปต่างจังหวัดสองต่อสอง 2 ครั้งโดยไม่เกี่ยวข้องกับงานในความรับผิดชอบของผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายปฏิเสธทั้งสองครั้ง
ส่วนกรณีผู้เสียหายรายที่ 3 ผู้เสียหายเห็นว่า ไชยามพวานมีพฤติกรรมพยายามเข้าหาและพูดคุยในลักษณะที่ทำให้รู้สึกถูกคุกคามทางเพศ จนทำให้ต้องขอลาออกจากทีมงานหลังเข้ามาทำงานได้ไม่ถึง 1 เดือน
ชัยธวัชระบุอีกว่า คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาพฤติการณ์และข้อเท็จจริงทั้ง 3 รายประกอบกัน ซึ่งมีลักษณะต่อเนื่องและมีรูปแบบทำนองเดียวกัน จึงเห็นว่า ไชยามพวานมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศต่อผู้เสียหายทั้ง 3 ราย และล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เสียหาย 1 ราย โดยผู้เสียหายทั้งหมดมีสถานะเป็นอาสาสมัครหรือผู้ช่วยดำเนินงานของไชยามพวาน ซึ่งด้วยความที่ไชยามพวานมีอำนาจหรือสถานะเหนือกว่าผู้เสียหาย สามารถให้คุณให้โทษต่อผู้เสียหายได้ จึงส่งผลให้ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไชยามพวานกับผู้เสียหายในระยะเวลาหนึ่ง อาจเกิดเนื่องจากปัจจัยด้านสถานะการจ้างงาน ความมั่นคงทางรายได้ หรือความต้องการทำงานร่วมกับพรรคและ สส. ของพรรค
ชัยธวัชระบุอีกว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้เสียหายทั้ง 3 รายเป็นอาสาสมัครหรือผู้ช่วยดำเนินงานของไชยามพวานยังส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อระบบอาสาสมัครของพรรค ทำให้การทำงานเป็นอาสาสมัครหรือทีมงานของพรรคไม่เป็นพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งควรต้องปลอดจากการคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศในทุกรูปแบบ
“ผมเห็นว่าการแถลงของคุณไชยามพวานในวันนี้ นอกจากจะไม่สำนึกยอมรับผิดและขอโทษต่อผู้เสียหายอย่างจริงใจแล้ว ยังอาจเป็นการก่อความเสียหายซ้ำเติมต่อผู้ถูกกระทำทั้ง 3 รายอีกด้วย ดังนั้น หลังจากวันเสาร์นี้ (4 พฤศจิกายน) ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อให้พิจารณาว่าไชยามพวานกระทำการให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรคหรือไม่”
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าคุณไชยามพวานกระทำการขัดต่อมติของคณะกรรมการบริหารพรรค ก็จะนำไปสู่กระบวนการทางวินัยจากฐานการฝ่าฝืนมติคณะกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และหากมีความผิดจริงก็จะนำไปสู่การจัดประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารกับ สส. ของพรรค เพื่อมีมติให้คุณไชยามพวานพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลหรือไม่ต่อไป
อ้างอิง: