×

หมอเก่ง ซักฟอก อนุทิน จงใจสร้างสุญญากาศทางกฎหมายคุมกัญชา เปิดช่องปล่อยของค้างสต๊อกให้พวกพ้อง

โดย THE STANDARD TEAM
19.07.2022
  • LOADING...
วาโย อัศวรุ่งเรือง

วันนี้ (19 กรกฎาคม) นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าอนุทินจงใจสร้างสุญญากาศทางกฎหมายในการควบคุมกัญชา จนทำให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพของประชาชน เสี่ยงมีปัญหาทางการทูต การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ

 

ในขณะที่อนุทินอ้างว่า การปลดล็อกกัญชานั้นเป็นการปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ที่ผ่านมาอนุทินได้โฆษณาชวนเชื่อกับประชาชนว่าทุกคนจะปลูกกัญชาได้จนร่ำรวย สามารถนำกัญชาไปผสมอาหารหรือเสพได้ ซึ่งเหล่านี้ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกัญชาทางการแพทย์เลย

 

ที่ผ่านมากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เรื่อยมาจนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ที่เริ่มปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ โดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 จากนั้นไม่นาน อนุทินเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 และได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ในวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ว่า วัตถุหรือสารในพืชกัญชาที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศ และมีสาร THC ไม่เกิน 0.2% ไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5

 

ต่อมาวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ได้มีการประกาศให้ใช้ พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฯ ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติดฯ ฉบับใหม่นั้นให้อำนาจรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสามารถระบุชื่อยาเสพติดให้โทษได้ อนุทินจึงออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 โดยไม่ได้รวมส่วนของพืชกัญชา เช่น ดอก กิ่ง ก้าน ราก ใบ เข้าเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่เฉพาะสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชงที่มี THC เกิน 0.2% และไม่ได้รับอนุญาตให้สกัด หรือสารสกัดจากเมล็ดกัญชาหรือกัญชงที่ปลูกในต่างประเทศ ที่ยังถือเป็นยาเสพติดให้โทษ โดยประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับเมื่อพ้น 120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

 

ภายหลังในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 เมื่อพืชกัญชาและกัญชงได้ถูกปลดล็อกไปแล้ว แต่กลับไม่มีกฎกระทรวงหรือกฎหมายย่อยใดๆ เข้ามาควบคุมการใช้ประโยชน์ทางสันทนาการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการควบคุมอายุของผู้ครอบครอง การซื้อขาย หรือการควบคุมการใช้ส่วนของกัญชานอกเหนือจากจุดประสงค์ทางการแพทย์ เกิดเป็นสุญญากาศทางกฎหมาย จนสร้างความกังวลให้กับประชาชนจำนวนมาก อนุทินจึงออกประกาศปาหี่ตบตาประชาชน แสร้งว่ามีการควบคุมแล้ว ด้วยประกาศเป็นเหตุรำคาญ ซึ่งไม่มีสภาพบังคับใช้จริง และประกาศเป็นสมุนไพรควบคุม ซึ่งห้ามสูบในที่สาธารณะ ห้ามจำหน่ายให้กับคนอายุต่ำกว่า 20 ปี และห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์เท่านั้น

 

นพ.วาโย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า อนุทินจงใจสร้างสุญญากาศทางกฎหมาย เพราะในระหว่างที่ปลดล็อกกัญชากัน กลับเพิ่งมีการยื่นร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสภาในวันที่ 26 มกราคม 2565 เมื่อเป็นร่างฯ เกี่ยวด้วยการเงินก็ต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่รัฐมนตรีประกาศปลดกัญชาออกจากยาเสพติด เมื่อนายกรัฐมนตรีอนุมัติและส่งกลับมาก็ปิดสมัยประชุมไป 3 เดือน เพิ่งจะได้บรรจุเข้าวาระปลายเดือนพฤษภาคม และรัฐสภาพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณากฎหมายในวันที่ 8 มิถุนายน 2565 หรือเพียง 1 วันก่อนครบกำหนด 120 วันที่จะถอดกัญชาออกจากยาเสพติดฯ

 

“ทำไมท่านไม่แก้ไขประกาศสาธารณสุขวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ยืดระยะเวลาออกไปจาก 120 วัน แค่นั้นเอง หรือหลังจากวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เห็นแล้วว่ากฎหมายผ่านไม่ทัน ท่านก็แค่ยกเลิกประกาศให้ใช้ประกาศเดิม รอจนกว่าจะมีกฎหมายควบคุมกัญชา แต่ท่านไม่ทำ” นพ.วาโยกล่าว

 

ที่ผ่านมาอนุทินส่งเสริมการผลิตกัญชา โดยอ้างว่าเพื่อรองรับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ โดยผูกให้วิสาหกิจชุมชน 1 แห่งทำร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 1 แห่งเท่านั้น และให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นผู้รับซื้อ แต่สุดท้าย อย. ไม่ได้รับซื้อในจำนวนที่คาดไว้ เพราะหมอไม่ใช้ นักวิจัยไม่เขียนโครงการ จึงต้องหาช่องทางปล่อยของ

 

นพ.วาโย ยังได้นำเอกสารสรุปผลการตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2564 ในประเด็นกัญชาทางการแพทย์ ที่ชี้ให้เห็นความพยายามจะเพิ่มดีมานด์กัญชาเพื่อการแพทย์ เพราะมีการตั้งเกณฑ์เป้าหมายในการจัดตั้งคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในแต่ละปี โดยภายในปี 2567 โรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) และสังกัดกรมวิชาการจะต้องมีคลินิกกัญชาทั้งหมด และสถานพยาบาลเอกชนจะต้องมีคลินิกกัญชาเขตสุขภาพละ 10 แห่ง

 

นพ.วาโย ย้ำว่า พรรคก้าวไกลสนับสนุนการปลดล็อกกัญชาทั้งทางการแพทย์และเพื่อสันทนาการ แต่จำเป็นต้องมีการควบคุมอย่างเหมาะสม เพราะแม้กัญชาจะมีประโยชน์ในการรักษาบางโรค แต่ก็มีหลักฐานยืนยันโทษของกัญชาเช่นกัน โดยเฉพาะกับพัฒนาการของเด็กและเยาวชน

 

นอกจากนี้ การปล่อยให้ไม่มีการควบคุมกัญชาจนร้านค้านำไปผสมอาหารโดยไม่แจ้งผู้บริโภค จนทำให้เกิดความหวาดกลัวผลข้างเคียงของกัญชา ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือท่องเที่ยวไทยก็กลัวว่าหากกินอาหารที่ผสมกัญชาเข้าไปโดยไม่รู้ตัวก็อาจเกิดปัญหากับประเทศต้นทาง จนอาจกระทบกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยอย่างมากด้วย

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising