หลังจากที่เฮอร์ริเคนมารีอา (Maria) ได้ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หลายประเทศในแถบทะเลแคริบเบียนได้รับผลกระทบจากวาตภัยในครั้งนี้ นับเป็นพายุเฮอร์ริเคนลูกที่ 3 ในรอบไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่จะถล่มประเทศในแถบนี้ต่อจาก ‘พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา (Irma)’ และ ‘พายุเฮอร์ริเคนโฮเซ (José)’ ที่เริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว
ล่าสุดเฮอร์ริเคนลูกนี้กำลังเคลื่อนตัวผ่านเปอร์โตริโก ดินแดนส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาแล้ว และกำลังมุ่งหน้าสู่สาธารณะโดมินิกันและหมู่เกาะเติร์กและไคคอส (Turks and Caicos Islands) หลังจากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอิทธิพลความแรงของเฮอร์ริเคนมารีอา
ริคาร์โด โรสเซโย (Ricardo Rosselló) ผู้ปกครองท้องถิ่นของเปอร์โตริโกที่ดูแลประชาชนกว่า 3.3 ล้านคน กล่าวว่า ระบบพลังงานของเปอร์โตริโกได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเฮอร์ริเคนมารีอา และอาจจะใช้เวลานานหลายเดือนที่จะซ่อมบำรุงและทำให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนกลับมามีกระแสไฟฟ้าใช้ได้อีกครั้ง อีกทั้งหนี้ระหว่างประเทศที่สูงลิ่วและสภาพทางเศรษฐกิจที่ถดถอย ยิ่งทำให้สถานการณ์ภายในประเทศเลวร้ายลง
พร้อมเผยว่า เปอร์โตริโกมีผู้เสียชีวิตจากเหตุวาตภัยครั้งนี้แล้วอย่างน้อย 1 คน เนื่องจากระบบสาธารณูปโภคที่ไดรับความเสียหาย ทำให้ทางรัฐบาลท้องถิ่นขาดช่องทางการติดต่อระหว่างกัน แต่ทางการก็จะเร่งให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด
โดยก่อนหน้านี้เฮอร์ริเคนมารีอาได้พัดถล่มโดมินิกาและหมู่เกาะเวอร์จินมาแล้ว ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปยังเปอร์โตริโก ทางด้านชาร์ล จอง (Charles Jong) โฆษกรัฐบาลของโดมินิกาเผยว่า เฮอร์ริเคนมารีอา คือประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขา แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับเหตุวาตภัยมาแล้วหลายครั้งก็ตาม ซึ่งความรุนแรงของพายุลูกนี้คร่าชีวิตผู้คนชาวโดมินิกาไปแล้วอย่างน้อย 14 คน และเปลี่ยนประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยเขียวขจีให้กลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโคลนเลน ซากปรักหักพังและความไร้ชีวิตชีวา
ถึงแม้ว่าพายุลูกนี้จะอ่อนกำลังลงกลายเป็นเฮอร์ริเคนที่มีความรุนแรงระดับ 2 แต่กรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า เฮอร์ริเคนมารีอาจะพัดพาและได้รับอิทธิพลจากการแสน้ำอุ่นในมหาสมุทร ส่งผลให้พายุลูกนี้กลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
Cover Photo: Ricardo ARDUENGO/AFP
อ้างอิง: