“อันนี้นาฬิกาใคร?”
นาย A (นามสมมติ) เพื่อนรักของเราเล่าให้ฟังว่าเขาหยิบนาฬิกาสีแดงฉานที่ไม่คุ้นตาออกมาจากห้องน้ำ ห้องน้ำในคอนโดมิเนียมแสนอบอุ่นที่อาศัยกันสองคนกับคนรักที่ชื่อนาย B (นามสมมติ) ไม่ต้องเอะใจไปคุณก็น่าจะรู้ดีว่านาฬิกาที่ไม่คุ้นตานั้นเป็นของใคร? และคิดว่านาย B ก็คงจะไม่ตอบว่า “ของเพื่อน ยืมเพื่อนมา” เพราะธรรมชาติของนาย B คนรักของเพื่อนเรานั้นไม่ใส่นาฬิกาข้อมือ!
ถ้าดูละครไทยมาเยอะ จำพวกละครที่มีเมียหลวงเมียน้อยตบตีแย่งชิงพื้นที่ผัวกัน หรือการมีสารบบข้อมูลมิวสิกวิดีโอของเพลงปาน ธนพร มากพอสมควรในหัว คุณแทบไม่ต้องเดาเลยว่า ‘เจ้าของนาฬิกามันตั้งใจลืมไว้ให้คุณเห็นแน่ๆ’ ไม่ว่าจะแค่แวะมาที่ห้อง หรือนอนค้างคืนทับที่ของคุณ การตั้งใจลืมของไว้ก็คงคล้ายๆ กับสิ่งมีชีวิตที่ต้องฉี่รดสถานที่ หรืออาณาเขตของตัวเอง เพื่อบ่งบอกการเป็นเจ้าของพื้นที่ หรือสร้างอำนาจบางอย่าง
‘อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิเพื่อน’ เรากล่าวเบาๆ ให้เพื่อนใจเย็นลง เพราะถ้าให้คิดแง่ดีกว่านั้นก็คือเขาอาจลืมไว้จริงๆ ก็ได้
‘เธออาจจะดูละครมากไปหรือเปล่า?’
เราพยายามพูดปลอบประโลมใจเพื่อนอย่างเข้าใจทั้งสองฝ่าย ทั้งเพื่อนเราเอง และเจ้าของนาฬิกาด้วย แต่หลังจากที่เพื่อนเล่ามายืดยาว คุณรู้ไหมว่าเหตุการณ์จบลงอย่างไร?
นาย B รับสารภาพว่าเป็นนาฬิกาคนอื่นจริง ส่วนนาย A น่ะเหรอ ก็ให้อภัยนาย B เรียบร้อย เพราะว่าเขาพูดความจริงออกมาแล้ว กลับมาคบกันดีดังเดิม ถึงแม้นาย A จะเล่นบทเมียหลวงมีเมียน้อยออกสื่อไปแล้ว
อ้าว ไม่โกรธแล้วเหรอ?
โกรธสิ คนนะไม่ใช่พระอิฐพระปูนจะได้ไม่มีความรู้สึกแบบนั้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ในความสัมพันธ์อันหวานชื่นไม่จำเป็นต้องเลิกรากันเสมอไป เมื่อเกิดเรื่องว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังนอกใจ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ความเข้าใจ ธรรมชาติ วิถีชีวิต และทัศนคติของคุณเองนะว่าจริงๆ แล้วการนอกใจเป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับคุณหรือเปล่า จริงๆ มันก็เป็นเรื่องใหญ่แหละ หากคุณจับเอาชุดความคิดแบบผัวเดียวเมียเดียว (Monogamy) เข้ามามองในเรื่องความสัมพันธ์ การมี ‘คนอื่น’ จึงเป็นเรื่องใหญ่ในความสัมพันธ์ที่มีชุดความคิดแบบนั้น ซึ่งไม่ได้ผิดอะไร
ภาพจากละคร ‘สามีสีทอง’
แต่ในยุคปัจจุบัน หากเรามองเรื่องเซ็กซ์และเรื่องความสัมพันธ์ให้แยกจากกันได้ คุณจะพบว่าการนอกใจบางครั้งมันเป็นแค่เรื่อง ‘นอกกาย’ เท่านั้นแหละ มันคือเรื่องของความสนุกทางเพศ แต่ทั้งนี้ก็มีขอบเขตของมันอยู่ที่เรื่องนอกกายจะไม่เลยเถิด ทำร้าย และลดความสำคัญคู่รักของคุณไป
ถ้าหากคุณไม่ได้มองว่าการนอกใจ (หรือนอกกาย) เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แนะนำว่าไปเรียกคนรักของคุณมานั่งจับเข่าคุยกันดีกว่า… แล้วลองสำรวจตัวเองดูว่า ถึงแม้การรับรู้ความจริงที่ว่าเขานอกใจจะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่เราจะก้าวผ่านและให้อภัยเขาได้อย่างไร
เล่นทายปัญหากันไหม?
เราและคนรักของเราควรมานั่งเล่นทายปัญหากันดู ในทีนี้ไม่ใช่มาเล่นทายว่า ‘ไข่กับไก่อะไรเกิดก่อน’ แต่เราควรนั่งพักจิตใจ ทำใจร่มๆ และเปิดอกคาดเดาปัญหาที่เกิดขึ้นกันดีกว่า เหมือนตัวละครของ ‘หลวง’ รับบทโดย น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ และ ‘ทองพัน’ รับบทโดย เข็ม-ลภัสรดา ช่วยเกื้อ ในละครเรื่อง สามีสีทอง คู่สามีภรรยาที่กำลังตกที่นั่งของการถูกนอกใจ และยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นใหม่นั้นว่าแท้จริงแล้วมันเป็นความรักหรือแค่ความใคร่
เราควรตั้งคำถามกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ทำไมคุณถึงนอกใจเรา? คุณชอบเขาหรือเปล่า? มีความสัมพันธ์อื่นๆ อีกไหม เช่น ไปเดต ไปดูหนัง ส่งข้อความหาทุกคืน หรือมีความรู้สึกว่าตกหลุมรักคนคนนั้นไปเสียแล้วหรือเปล่า สิ่งที่ควรได้คำตอบอย่างชัดเจนคือ ถึงเขาจะเผลอไผลไปมีอะไรกับคนอื่น แต่ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ยังไม่บกพร่อง และยังมีความรักมอบให้กันอยู่ สิ่งเหล่านี้ยังมีอยู่ไหม นั่นคือสิ่งที่คุณควรหาคำตอบร่วมกัน
และถ้าหากว่าคุณยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนไปเรื่อยๆ ก็เลิกเถอะ ปวดหัวเปล่าๆ… ถ้ายังต้องเจอรอบที่ 4 รอบที่ 5
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Bridget Jones The Edge of Reason (2004)
การนอกใจก็คือประสบการณ์หนึ่ง
เอสเธอร์ เพอเรล (Esther Perel) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเรื่องเซ็กซ์และความสัมพันธ์เคยบอกกับเว็บไซต์ Business Insider เกี่ยวกับการนอกใจของคู่รักไว้ว่า แท้จริงแล้วบางทีการที่เขานอกใจ อาจเป็นเพราะเขามีชุดความคิดที่ว่า ชีวิตมันสั้น ใช้ให้มันคุ้มๆ หน่อย มันคือการที่เขาได้ปลดเปลื้องบางอย่างในใจ ได้ทำในสิ่งที่เขายังไม่เคยทำ บ้างก็อาจจะรู้สึกกลัวแก่ บำบัดความเครียด หรือจริงๆ แล้วเขาอาจจะไม่มีความสุขเลยก็เป็นได้ เฉกเช่นกับตัวละครของ ฮิวท์ แกรนท์ ในภาพยนตร์เรื่อง Bridget Jones ทั้งภาคแรกและภาคสอง ที่ออกลวดลายมีคนนั้นคนนี้เข้ามาในชีวิตแบบที่หนุ่มฮอตๆ เขาเป็นกัน เขายังสนุกกับชีวิตและการได้มีอะไรกับคนอื่นๆ มากมาย แต่ก็มิวายอยากจะมีความสัมพันธ์ไว้คบหาอย่างจริงจัง
ฉะนั้นคุณในฐานะ ‘ฝ่ายที่นอกใจ’ ลองทบทวนตัวเองดูดีๆ ว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่ตอนนี้ตอบโจทย์ชีวิตคุณแล้วหรือยัง? ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกเขาไปตรงๆ อย่าอยู่เพื่อทำร้ายกันเลย ไม่ดีหรอก
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง The Dreamers (2003)
Photo: Documentary Club
พร้อมไหมจะเปิดใจเป็น Open Relationship?
ทางออกหนึ่งของเรื่องนี้ จริงๆ ถือเป็นเรื่องใหญ่ในความสัมพันธ์ หากคุณต้องการตั้งกฎหรือสิ่งที่พวกคุณเข้าใจตรงกันว่า ความสัมพันธ์ที่กำลังเกิดขึ้นนั้นเป็น Open Relationship หมายความอย่างง่าย เข้าใจสั้นๆ ว่า ‘ความสัมพันธ์ที่เป็นคนรักกัน แต่ต่างฝ่ายต่างเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายไปมีความสัมพันธ์ รวมไปถึงมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ได้’ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการนอกใจ แต่ต้องเป็นการตกลงกันของทั้งสองฝ่ายนะ หรือถ้าคุณรู้สึกหวั่นไหวไม่ไว้ใจเขา เพราะเขาเคยนอกใจคุณมาก่อน แต่คุณเองก็ไม่กล้าพอที่จะเดินเข้าหาความสัมพันธ์แบบนี้ เราแนะนำหนึ่งอย่างสั้นๆ ว่า ‘Don’t Ask, Don’t Tell’
แต่ถ้าคุณตัดสินใจแล้วว่า Open Relationship อาจเวิร์กกับคุณ คุณก็ต้องเข้าใจว่าความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่มีอะไรผูกมัดนั้นมันเกิดขึ้นได้ ที่บางครั้งเซ็กซ์จากคุณอาจตอบสนองเขาไม่ได้ทั้งหมด หรือบางทีคุณอาจไม่ชอบวิถีการทำรักของเขา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการตัดสินใจของคุณสองคนเท่านั้น ความสัมพันธ์รูปแบบนี้ คุณต้องใจกว้างมากพอที่จะให้คนรักของคุณ หรือแม้แต่ตัวคุณเองได้มีโอกาสพบปะเจอคนใหม่ๆ และคุณต้องมั่นคงในระดับหนึ่งว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่นั้นก็ยังสำคัญ และคุณจะจริงจังกับรักครั้งนี้ มันยังคงจับต้องได้จริง เรื่องนี้คุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจที่สุด
ถ้าอยากจะใช้ชีวิตไปให้สุดก็เอาเท่าที่คุณต้องการเลย ทุกคนล้วนต้องมีชีวิตของตัวเอง แต่จริงๆ เก็บมนุษยธรรมไว้ใช้ต่อกันบ้างก็ได้ อย่าทำร้ายความรู้สึกกันโดยไม่รู้ตัวเลยจะดีกว่าไหม?
เพราะถ้าวันหนึ่งเขาคนนั้น aka ‘คนที่คุณนอกใจเขา’ รักคุณไม่มากพอแล้ว คุณจะยังได้รับการให้อภัยอยู่หรือเปล่า?
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
