×

เปิดลิสต์ไม่ลับ! ตะลุย Cafe Hopping ย่านกรุงเก่า วงเวียน 22-เยาวราช

11.03.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

10 Mins read
  • เราหลงรักบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเองของร้าน As.is และยอมยกนิ้วให้กับความคิดสร้างสรรค์ของ Americano Infused (90 บาท) ที่ดัดแปลงจากกาแฟสกัดเย็นมาเป็นอเมริกาโนเย็นที่ใช้น้ำ Infused Water แช่แครนเบอร์รี เลมอน ผสมน้ำผึ้ง ได้ความสดชื่นและไม่ทำลายรสสัมผัสของกาแฟ
  • Metro (120 บาท) คือเมนูซิกเนเจอร์ของ Wanderlust Coffee & Eatery จุดเด่นคือใช้เอสเพรสโซ 2 ช็อต เชกกับโทนิก รินลงในน้ำส้ม ได้ทั้งความเปรี้ยวซ่าและสดชื่น ถูกจริตลูกค้าทั้งชายและหญิง
  • 103 Bed and Brews ทำให้เราสนุกกับการลองดื่ม Cold Brew หรือกาแฟสกัดเย็นหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟดำหรือกาแฟใส่นม ซึ่งทางร้านจะใช้เฉพาะเมล็ดกาแฟไทย เน้นรสชาติสมูท ดื่มง่าย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาถนนหนทางแถวเยาวราชที่เคยคุ้นตาเริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นย่านกรุงเก่ากลับมาคึกคักอีกครั้ง และกลายเป็นแหล่งคอมมูนิตี้สร้างสรรค์ รวมถึงร้านกาแฟเปิดใหม่ที่ผุดขึ้นตามมุมถนนไปจนถึงตรอกซอกซอยเล็กๆ เราเลยนึกสนุกอยากชวนผู้อ่านเปลี่ยนบรรยากาศจากการตะลุยกินตามร้านข้างทางในยามราตรี ไปตระเวนจิบกาแฟ ละเลียดขนมหวาน ชมสถาปัตยกรรมที่ยังคงอยู่ พลางย้อนรอยเรื่องราวในอดีตของย่านที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่อีกยุคสมัยหนึ่ง

 

ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย!

 

As.is

 

 

ประเดิมร้านแรกกันด้วยคาเฟ่เล็กๆ บนถนนพระราม 4 ไม่ไกลจากเยาวราช เราเปิดประตูบานกระจกสีดำเข้าไปในตึกแถวขนาด 1 ห้อง ด้านบนมีป้ายตัวอักษรจีน ‘ห้างหุ้นส่วนจำกัด โคว้เอี๊ยะฮง’ ก็พบกับเคาน์เตอร์กาแฟสีขาว โต๊ะไม้และเก้าอี้หนังจัดเป็นสัดส่วน แม้จะเห็นสไตล์การตกแต่งคาเฟ่แบบรัสติกและอินดัสเทรียล ลอฟต์ จนชินตาแล้ว แต่องค์ประกอบเล็กๆ ในร้านก็เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ

 

ฮิว-ธีรจิต ล้วนพิชญ์พงศ์ เจ้าของร้านเล่าว่า ตึกนี้เคยเป็นออฟฟิศเก่าของครอบครัว ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์การเกษตรมาก่อน หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาพยายามสานฝันธุรกิจร้านกาแฟที่เคยทำเป็นโปรเจกต์เรียนจบให้เป็นจริง และเริ่มศึกษาจริงจังเมื่อได้ทำงานเป็นบาริสตาที่ร้าน Brave Roasters จนตัดสินใจเปิดร้านเอง โดยเน้นการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง เพราะไม่มีต้นทุนด้านค่าเช่า เขายังทำงานกับนักออกแบบให้บรรยากาศในร้านดูร่วมสมัย แต่ก็เป็นมิตร ผนังอิฐด้านข้างมีราวม้วนผ้ายีนส์แขวนเรียงกันสะดุดตา ซึ่งมาจากผ้าที่เคยใช้ทำหมวกขายทางออนไลน์ โดยคงเอกลักษณ์ของตึกด้านนอกไว้ให้กลมกลืนไปกับร้านค้าเก่าแก่ในย่านนี้

 

 

นอกจากที่นั่งชั้นล่างแล้ว ยังมีส่วนของชั้นลอยที่เป็นห้องประชุมเล็กๆ และพื้นที่ชั้น 2 เป็น Coworking Space สามารถมานั่งทำงานหรือเช่าเพื่อทำกิจกรรมหรือจัดเวิร์กช็อปได้อีกด้วย บรรยากาศดีเลยทีเดียว

 

Cortado กาแฟร้อนใส่นมอุ่น ขนาด 40 ออนซ์

 

สั่งอะไรดี?

กอร์ตาโด หรือ Cortado (80 บาท) กาแฟร้อนใส่นมน้อยกว่าลาเต้ เสิร์ฟในแก้วขนาด 40 ออนซ์ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มนมเยอะและอยากลิ้มรสกาแฟเต็มๆ ซึ่งทางร้านจะเปลี่ยน House Blend ทุกๆ 3-4 เดือน Americano Infused (90 บาท) แก้วนี้น่าสนใจตรงที่ดัดแปลงไอเดียจากกาแฟสกัดเย็น หรือ Cold Brew มาเป็นอเมริกาโนเย็น โดยใช้น้ำ Infused Water แช่แครนเบอร์รี เลมอน ผสมน้ำผึ้ง ทำให้ได้รสชาติอมเปรี้ยวของผลไม้เด่นชัดและไม่กลบคาแรกเตอร์ของกาแฟเกินไป ส่วนใครที่ไม่ใช่คอกาแฟ ลอง Strawberry Creamcheese (90 บาท) แก้วนี้ให้รสชาติคล้ายสตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก หวานมันกำลังดี นอกจากนี้ทางร้านยังเสิร์ฟโฮมเมดเบเกอรีทำเองสดใหม่ทุกวัน ที่เด็ดคือ Black Stout Cake (80 บาท) เค้กเบียร์ดำราดด้วยครีมชีส เสิร์ฟร้อนๆ เนื้อเค้กนุ่มละลายในปาก ถ้าอยากอิ่มหน่อยก็สั่ง Buttermilk Pancakes (135 บาท) มากินคู่กับกล้วยเคลือบคาราเมลและสามารถเลือกรสไอศกรีมวานิลลาหรือช็อกโกแลตได้ด้วย

 

Strawberry Creamcheese (ซ้าย) Buttermilk Pancakes (ขวา)

 

Black Stout Cake (ซ้าย) Infused Americano (ขวา)

 

Open: วันพุธ, วันศุกร์, วันเสาร์ เวลา 10.00-20.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 11.00-19.00 น. (ปิดวันจันทร์, วันอังคาร และวันพฤหัสบดี)
Address: เลขที่ 45 พระราม 4 ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ

Budget: กาแฟเริ่มต้นที่ 75 บาท (เอสเพรสโซ)

Contact: 08 5143 5215

Page: www.facebook.com/As.is.CoffeeStand

Map:

 

 

 

Wanderlust Coffee & Eatery

 

 

จากถนนพระราม 4 เราเดินมาถึงร้านคาเฟ่ปูนเปลือยที่เหล่านักเดินทางเวียนแวะเข้ามากันคึกคัก เพราะที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของโฮสเทล 2W Bangkok ภายใต้ความดูแลของ เมย์-จักกพัฒน์ วงศ์โสภา หนึ่งในผู้ก่อตั้ง ด้วยประสบการณ์การทำงานบริหารในเครือโรงแรมมาก่อน ทำให้เขาหันมาเปิดธุรกิจโฮสเทลเล็กๆ ให้นักเดินทางทั่วโลกมาแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน มีสาขาที่ภูเก็ตและเกาะสมุย จนมาเปิดสาขาในกรุงเทพฯ กับหุ้นส่วน เขาตัดสินใจยกพื้นที่ชั้นล่างสำหรับทำร้านคาเฟ่อย่างจริงจัง โดยตกแต่งสไตล์โมเดิร์น อินดัสเทรียล ลอฟต์ และคงโครงสร้างตึกเดิมไว้ ชื่อ Wanderlust มาจากรากศัพท์ภาษาเยอรมัน หมายถึง ‘ผู้กระหายที่จะออกเดินทางตลอดเวลา’

 

นอกจากบรรยากาศจะอบอุ่นเป็นกันเองแล้ว สิ่งที่เราชื่นชอบเป็นพิเศษคือความจริงจังและพิถีพิถันในทุกด้าน ตั้งแต่การคัดสรรกาแฟที่มีลักษณะเฉพาะตัว การทำงานกับคนคั่วกาแฟ ไปจนถึงการออกแบบเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมคาเฟ่ของเมลเบิร์นซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลาย

 

“โจทย์ของเราคือใช้กาแฟเบลนด์เดียวต้องเสิร์ฟได้ทั้งกาแฟเย็น กาแฟร้อน ถูกปากคนไทยและต่างชาติ เราก็เลยทำงานร่วมกับโรสเตอร์ในเรื่องของเมล็ด โทนรสชาติ ก่อนจะกลายมาเป็น House Blend ของร้าน ส่วนกาแฟฟิลเตอร์ เราพยายามคัดเลือกเมล็ดที่มีคาแรกเตอร์พิเศษจากโรงคั่วทั่วโลกมาเสิร์ฟให้ลูกค้า นอกจากนี้เรายังอยากส่งเสริมเกษตรกรไทย โดยใช้เป็นส่วนผสมของ House Blend และมีเมล็ดกาแฟไทยยืนพื้นไว้เสิร์ฟกาแฟฟิลเตอร์ด้วย ซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแต่ละซีซัน เช่น เมล็ดกาแฟจากดอยผาส้ม อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเราก็จะใช้ทั้งกาแฟ Cold Brew และดริป”

 

สั่งอะไรดี?

เติมพลังด้วยมื้อเที่ยงแบบ All-Day Brunch สไตล์เมลเบิร์น ซึ่ง พัณณ์ชิตา กมลโต เชฟสาวผู้มีประสบการณ์ทำงานในเมลเบิร์นกว่า 17 ปี มาช่วยออกแบบเมนูทั้งหมดแต่แรก เช่น Pizza Dip (160 บาท) แป้งพิซซ่าอบกรอบ ดิปกินกับซอสมะเขือเทศอัดแน่นด้วยหน้าพิซซ่าเบคอนและชีส ส่วนตัวเราชอบ Spaghetti Marinara สปาเกตตีผัดปลาสลิดคลุกเคล้ากับซอสแดงรสจัดจ้าน โรยหน้าด้วยพาร์เมซาน ใครที่กำลังมองหาเมนูสุขภาพ ลอง Chia Pudding (160 บาท) พุดดิ้งเมล็ดเชียแช่ในน้ำมะพร้าว ได้รสสัมผัสหนึบๆ อารมณ์เหมือนข้าวเหนียวน้ำกะทิ ส่วนท็อปปิ้งมีตั้งแต่กราโนลาอัลมอนด์ มะม่วงสุก และสารพัดเบอร์รี

 

Pizza Dip (ซ้าย) Spaghetti Marinara (ขวา)

 

Chia Pudding (ซ้าย) Ready Cacao (ขวา)


Skillet Dutch Pancake (220 บาท) คือเมนูที่เราไม่อยากให้พลาด แพนเค้กสไตล์ดัตช์เสิร์ฟบนกระทะร้อน แป้งบนขอบกระทะจะกรุบกรอบหน่อย ตัดกับตัวแพนเค้กเนื้อนุ่ม ทานคู่กับกล้วยจี่ไฟอ่อนๆ สารพัดเบอร์รี และไอศกรีมวานิลลา ราดเมเปิลไซรัปแล้วอร่อยเป็นที่สุด ส่วนเครื่องดื่มซิกเนอเจอร์ที่ภูมิใจนำเสนอคือ Metro (120 บาท) ที่ใช้เอสเพรสโซ 2 ช็อต เชกกับโทนิก รินลงในน้ำส้ม ได้ทั้งความเปรี้ยวซ่าและสดชื่น เข้ากันดีกับกาแฟดำ คุณเมย์บอกกับเราว่าเป็นเครื่องดื่มที่ออกแบบมาให้ถูกจริตทั้งชายและหญิงอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี กาแฟดริป (Pour Over) ที่คัดสรรเมล็ดชั้นดีจากโรงคั่วต่างๆ ในไทยและต่างประเทศ (ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพของเมล็ดกาแฟ เริ่มต้นที่ 120 บาท) Cold Brew กาแฟสกัดเย็นที่ใช้เมล็ดดอยผาส้ม มี acidity เล็กน้อย รสชาติสมูท และเครื่องดื่มประเภทอื่น เช่น Ready Cacao (140 บาท) โกโก้-กล้วยปั่นสูตรเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมสตรอว์เบอร์รีสดและอัลมอนด์เคลือบปากแก้ว อร่อยลืม!

 

กาแฟดริป (Pour Over) และ Metro

 

Open: ทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.
Address: เลขที่ 149-151 ถนนพระราม 4 ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ

Budget: กาแฟเริ่มต้นที่ 70 บาท (เอสเพรสโซ)

Contact: 08 3046 8647

Page: www.facebook.com/onederlust

Map:

 

 

 

103 Bed and Brews

 

 

จากถนนพระราม 4 เราเดินมาถึงปากซอยนานาก็พบกับร้านกาแฟกึ่งโฮสเทลที่เปิดประตูบานเฟี้ยมต้อนรับแขกและผู้สัญจรไปมา ร้านนี้เป็นการรวมตัวกันของ เรย์ แมคโดนัลด์, บอล-อธิป นานา และ นุ้ย-ประไพ งามจรัสทรัพย์ มาเนรมิตตึกเก่าให้เป็นโฮสเทลร่วมสมัย โดยเก็บรายละเอียดบางส่วนของสถาปัตยกรรมไทย-จีนไว้ เช่น โครงสร้างอาคาร ประตูเหล็ก พื้นกระเบื้อง บานเฟี้ยม ในส่วนของร้านกาแฟนั้นได้เจ้าของธุรกิจกาแฟสกัดเย็นสัญชาติไทย March Cold Brew Coffee มาดูแล

 

บริเวณชั้นล่าง นอกจากจะเป็นครั้งแรกของการเปิดหน้าร้าน ทาง March Cold Brew Coffee ยังคัดเลือกและคั่วเมล็ดกาแฟจากภาคเหนือพิเศษสำหรับ 103 Bed and Brews โดยเฉพาะ และเน้นเสิร์ฟ Nitro Cold Brew สดจากแท็ปเป็นหลัก โดยใช้กาแฟสกัดเย็นประมาณ 14 ชั่วโมง (หรือขึ้นอยู่กับตัวเมล็ดกาแฟที่ใช้) แม้ว่าคนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับ Cold Brew เท่าไรนัก แต่ นุ่น-ฐิตานันท์ ทวีผล ผู้ร่วมก่อตั้ง March Cold Brew Coffee บอกกับเราว่า อยากให้คนได้ลิ้มลองกาแฟแบบอื่นที่มีคุณภาพดี ราคาน่าคบหา

 

Coffee Tonic-Som Jeed (ซ้าย) Nitro-Black (ขวา)


สั่งอะไรดี?

เหนื่อยจาก Hopping กันมาทั้งวัน เติมความสดชื่นด้วย Coffee Tonic-Som Jeed (100 บาท) เสิร์ฟบนจานเซรามิกจีนลายเก๋ ความเปรี้ยวซ่อนหวานของไซรัปรสส้มจี๊ดเข้ากับโทนิกและกาแฟอย่างลงตัว ชื่นใจจนลืมอากาศร้อนไปเลย Nitro-Black กาแฟสกัดเย็นแก้วนี้ใช้เมล็ดกาแฟไทย 100% ส่งตรงจากเชียงใหม่ อัดไนโตรเจนแล้วกดสดๆ จากแท็ป ให้รสเปรี้ยวของผลไม้และ Earthy บางๆ สมูทกำลังดี ส่วนคนชอบหวานๆ ต้องลอง Thai Tea (95 บาท) ชานมเย็นรสกลมกล่อม กดจากแท็ปเช่นกัน จับคู่กับ Mixed Berry Cheesecake (120 บาท) บลูเบอร์รีชีสเค้กพร้อมสตรอว์เบอร์รีลูกโต หรือ Red Velvet Cheesecake (100 บาท) ผสมบราวนี่เนื้อแน่น หวานซ่อนขมในไซส์พอดีคำ หากนั่งเตร่จนถึงหัวค่ำ ทางร้านก็จะมีคราฟต์เบียร์จำหน่ายด้วย

 

Thai Tea

 

Mixed Berry Cheesecake (ซ้าย) Nitro Cold Brew (ขวา)

 

Open: ทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น. วันจันทร์ เวลา 09.00-17.00 น.
Address: เลขที่ 103 ซอยนานา ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100

Budget: เริ่มต้นที่ 85 บาท

Contact: 0 2090 1103

Page: www.facebook.com/103BKK

Map:

 

 

 

Nana Coffee Roasters

 

 

ปิดท้ายด้วยร้านกาแฟที่กำลังมาแรงในตอนนี้ บาร์กาแฟของ Nana Coffee Roasters ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 ของร้านดอกไม้ Oneday Wallflowers Oldtown ของ ลักษณ์-ณัฐพัชร สุริยะกำพล โดยได้ กุ้ง-วรงค์ ชลานุชพงศ์ และ กุ้ง-กานดา โทจำปา เจ้าของธุรกิจร้านกาแฟและโรงคั่วกาแฟ Nana Coffee Roasters มาร่วมสร้างประสบการณ์กาแฟแบบใหม่ ร้านนี้จึงเต็มไปด้วยกาแฟหาทานยากและมักใช้จะเมล็ดกาแฟสายประกวดจากแหล่งปลูกหรือโรงคั่วชื่อดัง โดยกำหนดราคาตามคุณภาพ

 

อีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่คือ ModBar นวัตกรรมใหม่ของ La Marzocco แบรนด์เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซสัญชาติอิตาลี ที่สามารถสกัด Floral (กลิ่น) และ Flavour (รสสัมผัส) ของเมล็ดกาแฟออกมาได้ดีเยี่ยม ประกอบกับการตกแต่งสไตล์มินิมัลโดยใช้วัสดุแผ่นทองแดงและเทคนิคการเผาไม้ จึงได้เคาน์เตอร์บาร์สวยแปลกตา นอกจากจะมีมุมน่ารักๆ สำหรับนั่งจิบกาแฟ ละเลียดขนมในสวนเรือนกระจกแล้ว ดาดฟ้าของร้านยังเปิดให้ขึ้นมานั่งรับลมชมวิวของกรุงเก่าอีกด้วย เราขอแนะนำนิดหนึ่งว่าเผื่อเวลาไปก่อนเล็กน้อย เพราะคนแน่นตั้งแต่สายๆ แต่ทางร้านจะรันระบบคิวเป็นระเบียบทีเดียว

 

สั่งอะไรดี?

เมนูซิกเนเจอร์ คือ Boisson de Kanda (250 บาท) กาแฟดำมิกซ์กับน้ำลิ้นจี่และ Rose Lemonade รสออกเปรี้ยวซ่าและสดชื่น รสชาติคล้ายไวน์ทีเดียว แต่ดื่มง่ายกว่า สำหรับคอกาแฟสายแข็ง เราขอแนะนำกาแฟฟิลเตอร์ Maker Series ที่ใช้เมล็ดกาแฟ Ninety Plus ระดับแชมป์เปี้ยนจากประเทศต่างๆ (เอสเพรสโซ 500 บาท หรือดริป 600 บาท) Nitro Cold Brew (250 บาท) ของที่นี่ยังต่างจากร้านอื่นๆ เพราะใช้วิธีดริปและอัดไนโตรเจนแทนกาแฟสกัดเย็น โฟมเนียนนุ่มเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวของผลไม้ (Fruity) ที่ออกไปทางโทนพีช และกลิ่นหอมแบบดอกไม้ (Floral) อันเป็นคาแรกเตอร์เด่นของเมล็ดกาแฟเอธิโอเปีย Nekisse นอกจากนี้ยังมี Dirty (150 บาท) กาแฟหยดใส่นมผสม Half Cream ที่ให้ความมันเข้มข้น สำหรับของหวาน ไม่ควรพลาด Dark Beer Cake เค้กเบียร์ดำแต่งหน้าด้วยผลไม้และ บราวนี (75 บาท) ที่สำคัญบาริสตาและพนักงานยังยินดีให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับกาแฟแบบจัดเต็ม

 

Boisson de Kanda

 

Dirty (ซ้าย) บราวนี (ขวา)


Open: วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ (ปิดเฉพาะวันพุธ) เวลา 11.00-19.00 น.

Address: เลขที่ 31-33 ซอยนานา ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100

Contact: 08 9775 0006

Budget: เริ่มต้นที่ 100 บาท

Page: www.facebook.com/nanacoffeeroasters

Map:

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising