แม้ ‘ตลาดไก่ทอด’ มูลค่าเฉียด 28,000 ล้านบาท (ที่มา: Euromonitor Report, 2563) จะเป็นตลาดที่ร้อนระอุอยู่แล้ว โดยมีเจ้าตลาดอย่าง KFC ที่มีสาขากว่า 800 สาขากระจายตัวอยู่ทั่วไทย ขณะเดียวกันก็มีคู่แข่งที่พยายามเข้ามาเจาะอยู่หลายแบรนด์ ซึ่งแบรนด์ที่น่าจับตามองมากที่สุดคือ Texas Chicken ที่มีเบื้องหลังเป็นขุมพลังอย่าง OR หรือบริษัท ปตท. น้ํามันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) ซึ่งกำลังเร่งขยายสาขาอยู่เช่นกัน
แต่กระนั้นด้วยตัวเลขการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปี 7-9% และไก่ทอดยังถือเป็นเซกเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดของธุรกิจอาหารบริการด่วน หรือ QSR (Quick-Service Restaurant) อีกทั้งยังมีข้อมูลจาก Grab ที่เคยระบุไว้ว่า ‘ไก่ทอด’ และ ‘ชาไข่มุก’ ถือเป็นสองเมนูที่มีคนสั่งมากที่สุด ยิ่งทำให้กลิ่นที่หอมหวนอยู่แล้วมีเพิ่มมากขึ้นไปอีกๆ จนใครๆ ก็อยากเข้ามา
โดยล่าสุด Burger King กลายเป็นน้องใหม่ที่เข้าสู่สังเวียนนี้ผ่านการเปิดตัวไก่ทอด ‘ชิกเก้นคิง’ (Chicken King) ซึ่งมีการระบุว่าไทยถือเป็นประเทศแรกของโลกที่ Burger King ลุกขึ้นมาขายไก่มีกระดูก (Bone-in Chicken) ซึ่งก่อนหน้านี้เมนูไก่ที่วางขายมักจะเป็นของกินเล่น
ทว่าการเข้าสู่ตลาดไก่ทอดก็ไม่ง่าย แม้จะเป็นตลาดใหญ่กว่าและเติบโตมากกว่าตลาดเบอร์เกอร์ซึ่งโตปีละ 2-3% ก็จริง แต่ ธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า “ความท้าทายที่สุดของการเข้าสู่ตลาดไก่ทอดคือการสร้างไก่ทอดที่มีเอกลักษณ์ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยต้องไม่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ มากนัก เพราะถ้าแพงไปก็จะขายยาก”
ในแง่ของสูตรไก่ทอดนั้น เบื้องต้น Burger King เลือกที่จะออกมาเป็น ‘ไก่ทอดโรยหอมเจียว’ ซึ่งมี 2 สูตรคือ รสต้นตำรับ และรสซอสเผ็ด ซึ่งการราดซอสนั้นถือเป็นการตอบโจทย์พฤติกรรมของคนไทยที่นิยมกินอาหารคู่กับซอสที่มีรสชาติเข้มข้น
อย่างไรก็ตาม ภาพของการเป็นไก่ทอดโรยหอมเจียวที่คนไทยคุ้นเคยคือเมนู ‘ไก่ทอดหาดใหญ่’ ดังนั้นความท้าทายของ Burger King ในแง่ของเมนู คือการสร้างการรับรู้ว่าไก่ของ Burger King แตกต่างจากไก่ทอดที่คนไทยคุ้นเคยอย่างไร
“เรายอมรับว่าเรามาช้าจริง แค่เรามาทีหลังแล้วเราต้องทำให้ดังที่สุด ดังนั้นในแง่การตลาดเราจึงจะทำแคมเปญโปรโมตที่มีความเป็นแมสมากขึ้น และเสริมความเป็นไทยเข้าไป ฉีกภาพของโฆษณาแบบเดิมๆ ที่ Burger King เคยทำมา โดยแคมเปญสำหรับโปรโมตชิกเก้นคิงถือเป็นแคมเปญที่ใช้งบประมาณมากที่สุดของปีนี้”
สำหรับราคานั้น ปกติแล้วจะอยู่ที่ชิ้นละ 59 บาท แต่ในช่วงแรกนี้จะทำโปรโมชันซื้อไก่ทอด 1 ชิ้นและโค้ก 1 แก้วในราคาเพียง 79 บาท จากปกติ 124 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ถึง 31 พฤษภาคม ในร้าน Burger King 117 สาขาทั่วประเทศ
การบุกเข้าสู่ตลาดไก่ทอดในครั้งนี้ นอกเหนือจากเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ยอดขายปี 2564 ใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งทำได้ 2,000 ล้านบาทให้ได้มากที่สุดแล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายคือเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้เข้ามาในร้าน Burger King
“Burger King เราเด่นเรื่องเบอร์เกอร์ก็จริง แต่เราก็รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบกินเบอร์เกอร์ ดังนั้นเมื่อ 2 ปีก่อนเราจึงออกเมนูข้าวมา ซึ่งข้าวคือคอมฟอร์ตฟู้ดของคนไทย ขณะที่ไก่ทอดนั้นเราเชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 เมนูยอดนิยมของไทย ดังนั้นเราเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยเดินเข้าร้านให้เข้ามาที่ร้านได้”
ปกติแล้ว Burger King จะมีลูกค้าเฉลี่ยปีละ 10 ล้านคน การขายไก่ทอดในครั้งนี้ แม่ทัพ Burger King เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มลูกค้ามาเป็นปีละ 12 ล้าน พร้อมปรับสัดส่วนยอดขายจากเดิมเบอร์เกอร์ 80% และเมนูอื่นๆ อีก 20% มาเป็นเบอร์เกอร์ 70% เมนูอื่นๆ 20% และไก่ทอด 10% โดยภายในช่วงครึ่งปีหลังนั้นจะมีรสชาติไก่ทอดออกมาอีก 2 รสชาติ และจะมีเบอร์เกอร์ไก่ทอดวางขายด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้จะมีไก่ทอดเพิ่มเข้ามาแล้ว แต่แม่ทัพ Burger King ระบุว่ายังสามารถเพิ่มความวาไรตี้ให้กับเมนูอาหารได้อีก โดยสิ่งที่กำลังสนใจในขณะนี้คือช่วงเวลาบ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาของว่าง ส่วนจะออกมาในรูปแบบไหน แม่ทัพ Burger King กล่าวว่า “ต้องติดตามตอนต่อไป”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์