×

วิธีสร้างรากฐาน การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) จากเด็กจนโต

โดย THE STANDARD TEAM
27.02.2025
  • LOADING...
building-lifelong-learning

แววตาเปล่งประกาย เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สงสัยใคร่รู้ และคำถาม

 

พ่อแม่ที่มี (และเคยมี) ลูกในช่วงปฐมวัย คงจำได้ถึงแววตาคู่นั้นในวัยที่เขาเต็มไปด้วยคำถาม

 

“เพราะอะไร”

 

“ทำไม…ต้องเป็นอย่างนี้ด้วยล่ะ”

 

และอีกหลายประโยคคำถามที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ราวกับพวกเขาเป็นนักปรัชญา จนผู้ใหญ่อย่างเราต้องขบคิดอย่างหนักเพื่อหาคำตอบ

 

หลังหนึ่งคำถามคลี่คลาย คำถามอีกมากมายก็ตามมาราวกับไม่มีจุดฟูลสต็อป ว่าความสงสัยใคร่รู้ของเด็กๆ จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน

 

แต่แล้ววันหนึ่ง ไม่รู้เมื่อไร รู้ตัวอีกที #ความสงสัยใคร่รู้ (Curiosity) ของพวกเขาที่เป็นรากฐานสำคัญของ #การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ก็หายไป พร้อมกับคำถามที่น่าสนใจและความสดใสในแววตา

 

ถามเด็ก พวกเขาคงตอบไม่ได้ว่า ทำไมคำถามและความสงสัยใคร่รู้ถึงบินจากไป แต่ถ้าถามผู้ใหญ่ หรือให้ใกล้กว่านั้นคือพ่อแม่ รวมถึงผู้ปกครองของเด็ก คงจะพอบอกได้ว่า ทำไมแววตาช่างสงสัยที่แฝงไปด้วยความฉงน และบางทีก็แอบดูซุกซนถึงหายไป เพราะอย่างน้อยครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พวกเขาก็เคยมีสายตาคู่นั้น ก่อนจะถูกโลกนี้และผู้ใหญ่ (บางคน) ลักพาตัวไป

 

นักประสาทวิทยาบอกว่า เหตุผลที่ความอยากรู้อยากเห็นลดลงเมื่อเราเติบใหญ่ เป็นเพราะในวัยเด็ก สมองที่เคยมี ‘ความยืดหยุ่น’ สูงมากจะค่อยๆ สูญเสียความยืดหยุ่นนั้นไปทีละน้อยเมื่อเราโตขึ้น และหันไปพึ่งพาเส้นทางการสื่อสารกระแสประสาทที่วางไว้แล้วระหว่างวัยในวันที่เราเติบโต

 

ความอยากรู้อยากเห็นที่ลดลงจึงเป็นแนวโน้มตามธรรมชาติที่เกิดขึ้น ทว่าก็แค่เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะสภาพแวดล้อมก็มีส่วนเช่นเดียวกับที่ความร้อนหนาวทำให้ผิวกายของเรารู้สึก

 

ระบบการศึกษาที่เน้นการตอบคำถามให้ได้มากกว่ากระตุ้นให้คิดและตั้งคำถาม ระบบสังคมที่เต็มไปด้วยความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ต้องการคนเชื่องมากกว่าคนช่างสงสัยและตั้งคำถาม เพราะง่ายต่อการปกครองและไม่ท้าทายอำนาจ รวมถึงโครงสร้างการปกครอง ซึ่งหมายถึงพื้นที่ของผลประโยชน์

 

ในโลกที่ยินดีมอบของสมนาคุณให้กับคนเชื่อง และบทลงโทษให้กับคนช่างสงสัย สิ่งเหล่านี้ได้ทำลายแววตาใคร่รู้คู่นั้นให้หายไป ก่อนจะกลับมาเรียกร้องทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตในวัยผู้ใหญ่ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างคน สร้างเศรษฐกิจ และสร้างประเทศในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงของโลกไล่กวดเราตลอดเวลา

 

คำถามคือ พ่อแม่และผู้ปกครองควรทำอย่างไร เพื่อรักษาแววตาที่เปล่งประกายของเด็กๆ

 

🟣 1. ฟังอย่างตั้งใจ และตอบคำถามของลูกด้วยความใส่ใจ

แม้ลูกจะช่างซักช่างถามจนบางทีคุณรู้สึกรำคาญ แต่ถ้าฟังดีๆ และตั้งใจพูดคุยตอบคำถาม การตอบคำถามนั้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นบทสนทนาที่คุณกับลูกผลัดกันตอบและถาม ถ้าคุณทำโดยไม่ฝืนใจ คุณจะสนุกไปกับบทสนทนาที่จะพาคุณไปสู่สุดขอบของจินตนาการไม่รู้จบ แถมในช่วงเวลานั้นยังเป็นการสร้างสายสัมพันธ์และความทรงจำที่ดีระหว่างคุณกับลูก และรักษาดูแล ‘ความสงสัยใคร่รู้’ ให้งอกงาม

 

🟣 2. สนุกกับการลองผิดลองถูก

ความกลัวจะทำลายความสงสัย พ่อแม่ควรปลูกฝังให้ลูกเห็นว่า การทำผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ และเป็นกระบวนการหนึ่งของการเรียนรู้ เพราะทุกการทำถูกเกิดจากการทำผิดมาก่อนเสมอ ความสงสัยใคร่รู้และกระบวนการเรียนรู้เป็นคนละด้านของเหรียญเดียวกัน

 

เพราะไม่รู้จึงสงสัยและใคร่รู้

เพราะไม่รู้จึงอยากรู้

เพราะไม่รู้จึงเริ่มหาคำตอบ

 

🟣 3. เปิดกว้างด้วยคำถามปลายเปิด

 

“ทำไม”

“อย่างไร”

“สมมติว่า…”

และ “มาจากไหน”

 

ทำไมโลกถึงกลม?

นกบินได้อย่างไร?

สมมติว่าตู้เย็นมีชีวิตและพูดได้ คิดว่ามันจะพูดอะไรกับลูก?

ฝนที่ตกมาจากบนฟ้ามาจากไหน?

 

ลองคิดคำถามปลายเปิดและถามคำถามเหล่านี้กับลูก นอกจากจะเป็นการชี้ชวนให้ลูกสงสัยแล้ว ยังกระตุ้นจินตนาการและเป็นประตูที่จะนำไปสู่กระบวนการเรียนรู้หาคำตอบอีกด้วย

 

คำแนะนำทั้ง 3 ข้อ ไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไรมากไปกว่าความใส่ใจที่พ่อแม่ทุกคนมีให้ลูก

 

ขอให้แววตาใคร่รู้คู่นั้นอยู่กับลูกของเรา และเป็นเพื่อนเก่าที่กลับมาหาคุณอีกครั้ง

 

 

📌 ครบทุกความรู้และแรงบันดาลใจ เพื่ออนาคตลูกในงานเดียว! Alpha Skills Summit 2025

 

ดูรายละเอียดได้ที่ https://bit.ly/alphass2025cpcu

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising