เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (19 มิถุนายน) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าพบปะกับ หวังอี้ นักการทูตระดับสูงของจีน ในระหว่างทริปเดินทางเยือนจีนวันสุดท้ายของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐฯ ที่หวังเดินหน้าประสานรอยร้าวจากความขัดแย้งในหลากหลายประเด็นกับชาติมหาอำนาจอย่างจีน ขณะที่หลายฝ่ายจับตาด้วยว่า บลิงเคนจะได้พบปะกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในช่วงบ่ายวันนี้ด้วยหรือไม่
ภาพจากสื่อจีนเผยให้เห็นบลิงเคนจับมือกับหวังอี้ ณ เรือนรับรองเตี้ยวหยูไถ่ (Diaoyutai) สถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอย่างเป็นทางการในกรุงปักกิ่ง ก่อนที่ทั้งสองจะร่วมประชุมกันเป็นเวลาราว 3 ชั่วโมงด้วยกัน
รายงานจากสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีน เปิดเผยว่า สำหรับการพบปะกันของสองเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐฯ และจีน หวังอี้กล่าวกับบลิงเคนว่า “การเดินทางเยือนปักกิ่งของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเลือกระหว่างการเจรจาหรือการเผชิญหน้า และความร่วมมือหรือความขัดแย้ง”
“เราต้องฟื้นฟูความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่กำลังถดถอย และผลักดันให้กลับไปสู่แนวทางที่ดีและมั่นคง รวมถึงต้องประสานงานกันเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่จะเปิดทางให้จีนและสหรัฐฯ เดินไปข้างหน้าด้วยกันได้” หวังอี้กล่าวเสริม
แต่ถึงเช่นนั้น หวังอี้ได้กล่าวเตือนบลิงเคนเกี่ยวกับประเด็นด้านไต้หวันซึ่งมีความละเอียดอ่อน เนื่องจากจีนมองว่าไต้หวันคือดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศอันแบ่งแยกมิได้ตามหลักการจีนเดียว และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยึดมั่นในหลักการดังกล่าวมาโดยตลอด โดยเมื่อปีที่ผ่านมา จีนได้เปิดฉากการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงใกล้กับไต้หวันถึง 2 ครั้ง เนื่องจากไม่พอใจที่สหรัฐฯ ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาเยือนดินแดนแห่งนี้
“ในประเด็นนี้ จีนไม่มีที่ว่างให้ประนีประนอมหรือยอมรับใดๆ” หวังอี้กล่าวกับบลิงเคน ตามรายงานของ CCTV “สหรัฐฯ ต้องยึดมั่นต่อหลักการจีนเดียวที่ได้รับการยืนยันในแถลงการณ์ร่วมสามฉบับระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงเคารพอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน และต่อต้าน ‘เอกราชของไต้หวัน’ อย่างชัดเจน”
ทั้งนี้ ภายหลังจากพบปะกับหวังอี้แล้ว คาดว่าบลิงเคนจะร่วมหารือกับนักธุรกิจสหรัฐฯ จากอุตสาหกรรมสุขภาพ ยานยนต์ และความบันเทิง เพื่อประเมินถึงบรรยากาศการทำธุรกิจของชาวอเมริกันในจีนขณะนี้
อนึ่ง ทั่วโลกจับตาว่าบลิงเคนจะเดินทางพบปะกับสีจิ้นผิงต่อด้วยหรือไม่ ซึ่งแหล่งข่าววงในเปิดเผยกับสำนักข่าว Reuters ว่า ‘มีการคาดหมาย’ ว่าการพบปะกันครั้งประวัติศาสตร์อาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศหรือหน่วยงานต่างๆ ของจีน
ภาพ: LEAH MILLIS / POOL / AFP
อ้างอิง: