วันนี้ (20 พฤษภาคม) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พรรคก้าวไกล หมายเลข 1 ปราศรัยใหญ่ที่มิวเซียมสยาม เขตพระนคร โดยเริ่มต้นด้วยการบอกถึงที่มาฐานคิด 12 เมืองที่คนเท่ากัน ว่าคนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่แค่คนจน แต่ยังรวมถึงชนชั้นกลางที่ทุกวันนี้มีภาระมากเกินกว่าจะบริจาคแล้ว
“ผมนึกถึงพี่แป้น อดีตแม่บ้านเพื่อนร่วมงานของผมที่ป่วยเป็นโรคไต เพื่อนร่วมงานผมต้องถือกล่องรับบริจาค แทนที่เมือง กทม. จะเป็นคนดูแลคนในเมืองนี้ ผมลงพื้นที่ที่บางซื่อเจอคุณยายสะอาด บอกกับผมว่าทุกวันนี้ต้องกินข้าวกับไข่ต้ม เพราะเงินจากเบี้ยยังชีพทำให้ดำรงชีวิตได้เพียงเท่านี้ วันที่ได้กินแกงถุงคือวันที่เป็นรางวัลของชีวิตแล้ว นี่คือเหตุผลที่เราต้องเสนอนโยบายเพิ่มเบี้ยยังชีพ จาก 600 เป็น 1,000 บาท”
สำหรับเด็กเล็ก เราเจอเด็กยากจนในชุมชน เรารู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่สามารถเป็นผู้ใหญ่ที่วิ่งตามความฝันได้ แต่เงื่อนไขนี้สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเติมสวัสดิการเด็กเล็กจาก 600 ขึ้นมาเป็น 1,200 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ วิโรจน์ยังพูดถึงการเปิดสัญญารถไฟฟ้าว่า ทุกคนพูดว่าต้องปิดสัญญาไม่เปิดสัญญา แต่มีแค่วิโรจน์คนเดียวที่ขอเปิดให้ กทม. เปิดเผยสัญญา และเรามีหนี้ที่ติดค้าง BTS อยู่ประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท ที่ปัจจุบันดอกเบี้ยเดินกลายเป็น 3.9 หมื่นล้านบาท และทบไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ทำอะไร หนี้ก้อนนี้จะเป็นภาระให้ผู้ว่าฯ กทม. คนต่อไปต้องยอมต่อสัญญาสัมปทาน
“ผมอยากทวงถาม พล.อ. ประยุทธ์ ว่าไม่ต้องมาสั่งสอนผู้ว่าฯ กทม. คนต่อไป แต่ให้คืนเงินภาษีที่ดินที่รัฐบาลผลักภาระมาให้คนกรุงเทพ 3 หมื่นล้านบาท ตัดงบประมาณ กทม. ที่ไปสนับสนุนนโยบายรัฐบาล 4,000 ล้านบาท และขอสภากรุงเทพฯ ให้นำเงินสะสม กทม. มาใช้หนี้ที่เหลือเพื่อลดหนี้ก้อนนี้ไปก่อน”
วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า การหางบประมาณและการจัดสรรงบประมาณคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย หลายคนบอกให้ประหยัดงบประมาณ แต่ต้องถามว่าจะต้องประหยัดอีกเท่าไร ทำไมกรุงเทพฯ ต้องกระเบียดกระเสียรในขณะที่ยังมีนายทุนที่ไม่จ่ายในต้นทุนที่ควรจะจ่าย
“อุดหนุนรถเมล์ต้องใช้เงิน 700 ล้านบาทต่อปี ลอกท่อทั่วเมืองลอกคลองทั่วกรุงใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี เพิ่มรอบการเก็บขยะปรับปรุงจุดทิ้งขยะใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี ฉีดวัคซีนปอดอักเสบใช้งบประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี การปรับปรุงโรงเรียนศูนย์เด็กเล็กก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น”
สุดท้าย วิโรจน์กล่าวว่าผู้ว่าฯ และ ส.ก. จากพรรคก้าวไกล เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ไปยกมือให้กับการจัดสรรงบประมาณสร้างเมืองที่คนเท่ากันและแก้ไขกฎระเบียบเมืองให้เป็นธรรม
