วันนี้ (8 พฤษภาคม) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย วีรวุธ รักเที่ยง ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตลาดกระบัง หมายเลข 1 ลงพื้นที่หาเสียงคลองหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง โดยวิโรจน์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในอดีตตนก็เคยมาเที่ยวคลองหัวตะเข้ ซึ่งตอนนั้นยังมีบรรยากาศคึกคัก แต่ปัจจุบันซบเซาลงมากเพราะโควิด อย่างไรก็ตาม บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีศักยภาพสูงมากในการพัฒนาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ดังนั้นต้องเร่งเปิดเมืองที่ทำให้ประชาชนกล้าใช้ชีวิตและจับจ่ายใช้สอย
วิโรจน์ยังกล่าวอีกว่า ตลาดเก่าริมน้ำหัวตะเข้เป็นตัวอย่างที่ดีในการบริหารชุมชน พัฒนาจนเป็นพื้นที่อนุรักษ์และทำมาหากินของชุมชน หากแนวนโยบายกระจายงบประมาณของตนเกิดขึ้นจริง เชื่อว่าจะมีอีกหลายชุมชนที่สามารถนำงบประมาณมาพัฒนา จนสร้างเอกลักษณ์ของย่านได้อย่างคลองหัวตะเข้
จากนั้นในช่วงบ่าย วิโรจน์ขยับไปหาเสียงยังเขตลาดพร้าว พร้อมด้วย ณภัค เพ็งสุข ผู้สมัคร ส.ก. เขตลาดพร้าว หมายเลข 6 ลงพื้นที่บริเวณแฟลตตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย และตลาดค่ำย่านโชคชัย 4 เพื่อขอคะแนนเสียงและนำเสนอนโยบายต่อประชาชนย่านลาดพร้าว
โดยวิโรจน์ประกาศกลางตลาดว่าจะพัฒนาแนวทางการเก็บขยะให้กับพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น จะทำให้การเก็บขยะตามบ้านเรือนคน กทม. ดีเสมอกับห้างสรรพสินค้าของนายทุนใหญ่ โดยย้ำว่า ตนพร้อมเข้ามาแก้ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นใน กทม. ไปพร้อมกับการพัฒนาศักยภาพในแต่ละพื้นที่ให้เป็นชุมชนที่มีคุณภาพและเพื่อชีวิตที่ดีของชาว กทม.
ทั้งนี้ ระหว่างการเดินหาเสียงในช่วงบ่ายมีฝนตกลงมา วิโรจน์จึงได้แสดงความเป็นห่วงต่อน้ำท่วมขังและเชื่อมโยงกับนโยบายหาเสียง โดยระบุว่า ตนมีความพร้อมในการจัดการกับปัญหาน้ำท่วมทันทีเมื่อฤดูฝนมาถึง นั่นคือการเปลี่ยนงบประมาณมหาศาลที่ใช้กับอุโมงค์ยักษ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ มาใช้กับการลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุง เพื่อให้คลองสามารถอยู่ในสถานะพร้อมระบายน้ำ และจะแบ่งระบบระบายน้ำเป็น 2 ท่อ คือท่อน้ำเสียและท่อน้ำฝน เพื่อให้น้ำไหลสะดวกขึ้น มีเส้นทางบำบัดที่ชัดเจน เพื่อปรับสภาพสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ในช่วงเย็น วิโรจน์ได้เชิญชวนประชาชนรับฟังนโยบายเพิ่มเติมบนเวทีปราศรัยย่อย Flash Meet ครั้งที่ 5 บริเวณลานหน้าห้างอิมพีเรียล เขตลาดพร้าว ซึ่งหัวใจหลักของการปราศรัยวันนี้คือ การประกาศนำงบประมาณ กทม. มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หมดยุคเอาใจนายทุนผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อสร้างเมืองที่คนเท่ากัน และคืนความเป็นธรรมเพื่อคน กทม.
