วันนี้ (13 พฤษภาคม) พรรครวมไทยยูไนเต็ด เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง ‘Bangkok Bond พันธบัตรพัฒนาเมือง’ ว่า งบประมาณประจำปีของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ต่างมีเจ้าของจับจองเงินเกือบหมด เหลือเพียงไม่ถึง 20% ที่ทาง กทม. จะสามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อนำมาพัฒนาเมืองหรือรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน พรรครวมไทยยูไนเต็ด นำโดย 3 ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ขอเสนอแนวทางลงทุนพันธบัตรกรุงเทพเพื่อพัฒนาเมือง ดังนี้
วีรานันท์ สดากรวงศ์วัชร์ (แคลร์) ผู้สมัคร ส.ก. เขตวัฒนา เบอร์ 3 จับมือกับ ณัฐนันท์ เอกศิริวรากิตติ์ (ต้ำ) ผู้สมัคร ส.ก. เบอร์ 7 เขตสาทร และ อรรถสิทธิ์ เหลืองไพบูลย์ (อู๋) ผู้สมัคร ส.ก. เขตป้อมปราบฯ เบอร์ 9 ตั้งใจผลักดันให้เกิดการตราข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อ กทม. ให้เกิดการระดมทุนเพื่อลงทุนในการพัฒนาเมืองได้ และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนของประชาชน
วีรานันท์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวว่า การสร้างความรู้สึกร่วมของประชาชนในการพัฒนาเมืองหรือการเป็นเจ้าของเมือง ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาความก้าวหน้าของเมือง Bangkok Bond เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ได้รับการพูดถึงมาระยะหนึ่ง ที่จะเปิดโอกาสให้ กทม. สามารถระดมทุนจากประชาชนเพื่อนำมาพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ ที่ตรงกับความต้องการของประชาชน
ณัฐนันท์ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า การลงทุนผ่านพันธบัตรรัฐบาลยังคงเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ปลอดภัยและได้รับการปันผลที่ดี นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างความคล่องตัวของรัฐ (กทม.) ในการพัฒนาเมือง หรือจัดการบริการที่ตอบโจทย์ของประชาชน
ด้านอรรถสิทธิ์กล่าวว่า ในส่วนของขั้นตอนการเปิดให้เกิดพันธบัตรรัฐบาล เป็นสิ่งที่สามารถผลักดันให้เกิดได้จริง โดยกลไกสภากรุงเทพมหานครถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้ข้อบัญญัติระดมทุนเกิดขึ้นได้จริง อัตราการตอบแทนเป็นรายปี อาจจะระยะเวลา 3 ปี และกําหนดวงเงินซื้อต่ำสุดและสูงสุด เช่น 1,000-5,000,000 บาท และค่าตอบแทนแบบเป็นขั้นบันได เช่น 1.60, 1.80 และ 2.30 เป็นต้น
สำหรับพันธบัตรพลัส เป็นการเพิ่มช่องทางการลงทุนที่มั่นคงให้กับประชาชนในเมือง และเป็นการเพิ่มกําลังในการพัฒนาเมืองของ กทม. ให้คล่องตัวมากขึ้น และเป็นอีกขั้นในการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาเมืองผ่านการลงทุน ร่วมคิดและพลิกโฉมกรุงเทพมหานคร
