ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 8,112.9 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 เพิ่มขึ้น 13.5% มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 554.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.8% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิจากการรับประกันภัย 313.4 ล้านบาท
บริษัทมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 448.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 705.6 ล้านบาท ลดลง 36.43% และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 1,002.7 ล้านบาท ลดลง 1.6% โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิ 856.1 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 8.04 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 981.7 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิลดลง 12.8%
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2566 (เดือนมกราคม-กันยายน) บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 21,981.5 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 เพิ่มขึ้น 12.7% มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 1,619.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123.1% มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,140.1 ล้านบาท ลดลง 76.16% และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2,759.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 224.4%
โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,546.1 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 23.91 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งขาดทุนสุทธิ 2,170.2 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 217.3%
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ซึ่งได้ประชุมเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2566 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566
ขณะที่หุ้น BKI มีราคาหุ้นซื้อ-ขายอยู่ที่ 309 บาท