BJC เผยผลประกอบการไตรมาส 4 ของปี 2567 ดันรายได้รวมทั้งปีทะลุ 44,332 ล้านบาท กำไรโตกว่า 17% ในปี 2568 ทุ่มงบ 6,091 ล้านบาท หาทำเลใหม่เปิดบิ๊กซีเพิ่ม 207 สาขา หวังกวาดลูกค้าทั่วสารทิศ
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี (BJC) เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 4 ของปี 2567 อยู่ที่ 44,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,070 ล้านบาทจากปีก่อน ทำกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3,878 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 16.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอยู่ที่ 1,644 ล้านบาท เติบโตขึ้น 0.4% โดยยอด ขายที่เติบโตขึ้นมาจากการจัดทำโครงการลดต้นทุนต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการทำกำไรของทุกกลุ่มสินค้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เริ่มตั้งแต่กลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ ยอดขายปี 2567 อยู่ที่ 25,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนใหญ่มาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของบรรจุภัณฑ์กระป๋อง โดยอัตรากำไรขั้นต้นของ กลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 4 ของปี 2567 อยู่ที่ 21.3% เพิ่มขึ้น 75 BPS จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ลดลงของทั้งโซดาแอชและเศษแก้ว รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและ Product Mix ให้เหมาะสมขึ้น
ถัดมาคือกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค มียอดขายในไตรมาส 4 ของปี 2567 อยู่ที่ 5,266 ล้านบาท ลดลง 80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า ยกเว้นกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ส่วนตัวยังคงเติบโต
ขณะเดียวกันอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภคในไตรมาส 4 ของปี 2567 อยู่ที่ 20.4% เพิ่มขึ้น 188 BPS จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากต้นทุนมันฝรั่งที่ลดลง Product Mix ที่เหมาะสมขึ้นและโครงการลดต้นทุนต่างๆ
ตามด้วยกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค ยอดขายไตรมาส 4 ของปี 2567 อยู่ที่ 2,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากยอดขายกลุ่มเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการออกสินค้าใหม่และได้รับประโยชน์จากงบประมาณของภาครัฐ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิคในไตรมาส 4 ของปี 2567 อยู่ที่ 34.1% เพิ่มขึ้น 221 BPS จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ รายได้รวมปี 2567 อยู่ที่ 116,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,264 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.0% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเปิดสาขาที่เพิ่มขึ้นและรายได้จากการขายสินค้า ทั้งอาหารสดและสินค้าอาหารแห้งเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้อื่นอยู่ที่ 3,211 ล้านบาท ลดลง 57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.7% เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ค่าเช่าและการให้บริการ
อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกกลุ่มบีเจซี เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ในปี 2568 บิ๊กซีเตรียมงบลงทุน 6,091ล้านบาท เปิดเพิ่ม 207 สาขา ได้แก่ สาขาขนาดใหญ่ 7 สาขา และสาขาขนาดเล็ก 200 สาขา ซึ่งถือเป็นทำเลใหม่ที่บิ๊กซีต้องการขยายการบริการให้ครอบคลุมมากขึ้น
พร้อมกับรีโนเวตสาขาปัจจุบันอีก 117 สาขา ได้แก่ สาขาขนาดใหญ่ 17 สาขา และสาขาขนาดเล็กอีก 100 สาขา ยกตัวอย่างเช่น รัชดาภิเษก, บางปะกอก, พัทยา 1, บางนา, สุขาภิบาล 3-1, นครปฐม, บางบอน, อำนาจเจริญ, หาดใหญ่ 1, ภูเก็ต, พัทยา 3, แฟชั่นไอส์แลนด์, สุวินทวงศ์, หางดง, วังสะพุง, สีคิ้ว และพังงา โดยจะปรับโฉมพื้นที่โซนต่างๆ ให้เป็นมากกว่าพื้นที่ช้อปปิ้ง