×

ส่องหุ้นขุด Bitcoin ในช่วงค่าไฟขึ้น ราคาเหรียญผันผวน แต่ละบริษัทยังทำกำไรได้อยู่หรือไม่

28.03.2022
  • LOADING...
ส่องหุ้นขุด Bitcoin ในช่วงค่าไฟขึ้น ราคาเหรียญผันผวน แต่ละบริษัทยังทำกำไรได้อยู่หรือไม่

ธุรกิจขุดเหมือง Bitcoin ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดูเหมือนจะต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนพลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากเรื่องของเงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก หรือแรงกดดันจากราคาของ Bitcoin ที่ผันผวนขึ้นลง โดยเฉพาะในทางลงที่ทำให้อัตรากำไรจากการขุดลดลงไป 

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนอาจจะนึกย้อนไปถึงปี 2018 ซึ่งราคาของเหรียญต่างๆ เข้าสู่ตลาดหมีอย่างเต็มตัว อย่าง Bitcoin ที่ราคาเคยขยับไปถึงเกือบ 20,000 ดอลลาร์ ช่วงปลายปี 2017 ลงไปเหลือ 3,000-4,000 ดอลลาร์ ในปี 2018

 

อย่างไรก็ดี การร่วงลงมาของราคา Bitcoin ในรอบนี้จากราว 60,000 ดอลลาร์ มาสู่ระดับ 35,000-45,000 ดอลลาร์ ดูเหมือนว่าสำหรับผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin ยังคงมีอัตรากำไรที่สูงถึง 70%

 

Jaime Leverton ซีอีโอของ Hut 8 หนึ่งในบริษัทขุด Bitcoin รายใหญ่ กล่าวว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งเมื่อ 16 เดือนก่อน บริษัทได้เริ่มโฟกัสเกี่ยวกับการกระจายธุรกิจมากขึ้น เพราะเรารู้ว่าธุรกิจนี้เป็นวัฏจักรและเราควรจะเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการหดตัวในอนาคต

 

ทั้งนี้ ราคาของ Bitcoin ในระดับที่จะส่งผลให้ธุรกิจขุด Bitcoin ไม่สามารถทำกำไร ตัวเลขของจุดคุ้มทุนจะแตกต่างกันออกไป อย่างกรณีของ Hut 8 ราคา Bitcoin สำหรับจุดคุ้มทุนอยู่ต่ำกว่า 18,000 ดอลลาร์ ขณะที่ Riot Blockchain, Inc. มีจุดคุ้มทุนที่ราคา Bitcoin ราว 10,000 ดอลลาร์ ส่วน Marathon Digital Holdings มีจุดคุ้มทุนราว 5,000 ดอลลาร์ ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินกันว่าเมื่อราคา Bitcoin อยู่ในระดับสูง อัตรากำไรของบางบริษัทจะสูงถึง 90%

 

ในขณะที่ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นจากผลของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้กิจกรรมการขุด Bitcoin ลดลงไป อย่างไรก็ตาม Greg Lewis นักวิเคราะห์ของ BTIG ระบุว่า นักขุดที่เดินหน้าขุดต่อไปไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็ก พวกเขาจะทำได้ดีขึ้นในขณะที่อัตราการขุดทั่วโลกกำลังลดลง (Hash Rates) เช่น เมื่อ Hash Rates ลดลงไป 50% ไม่ว่าบริษัทนั้นจะมีสัดส่วนใหญ่หรือเล็กแค่ไหนเทียบกับการขุดทั่วโลก แต่ส่วนแบ่งจากการขุดของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว 

 

สำหรับธุรกิจขุด Bitcoin ในประเทศไทย ดูเหมือนว่า บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) จะเป็นบริษัทที่ขยายได้รวดเร็วที่สุดในขณะนี้ จากแผนการขยายเครื่องขุด Bitcoin เพิ่มเติมอีก 6,300 เครื่อง ภายในปีนี้ และจะทำให้บริษัทมีกำลังการขุดรวมอย่างน้อย 422,000 TH/s ณ สิ้นปีนี้

 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการประเมินก่อนหน้านี้ จุดคุ้มทุนของการขุด Bitcoin ในสกุลเงินบาทน่าจะอยู่ที่ราว 900,000 บาท แต่ก็ยังไม่รวมค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้จุดคุ้มทุนเพิ่มขึ้นอีก แต่คงจะไม่ได้กระทบมากนัก

 

อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าหุ้นไทยที่เกี่ยวข้องกับการขุด Bitcoin สามารถปรับตัวขึ้นได้ในระยะหลัง โดยเฉพาะกรณีของ JTS ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ระดับ 374 บาท เพิ่มขึ้น 185% จากปีก่อน

 

“ก่อนหน้านี้จะเห็นหุ้นที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลถูกซื้อกระจายในหลายตัว แต่ตอนนี้หุ้นขุด Bitcoin ถูกให้น้ำหนักมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเพราะไม่ถูกกดดันจากเรื่องของกฎระเบียบ และหากเปรียบเทียบเฉพาะหุ้นที่ขุด Bitcoin เหมือนกัน ทำให้คนให้น้ำหนักกับ JTS มากขึ้น เพราะบางบริษัท อาทิ COMAN ที่ใช้วิธีการจ้างขุด ซึ่งต้องแบ่งกำไรออกไป ส่งผลให้จุดคุ้มทุนสูงขึ้นไปอีก” ณัฐพลกล่าว

 

นอกจากนี้จะเห็นว่าราคาของ Bitcoin ที่แม้จะปรับฐานลงมา แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกบางประการที่เข้ามาช่วยจำกัด Downside ของราคา ซึ่งในกรณีของธุรกิจขุด Bitcoin ราคาของ Bitcoin คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญ หากราคาไม่ได้ลดลงหนักจนต่ำกว่าจุดคุ้มทุน เชื่อว่าธุรกิจก็น่าจะยังมีกำไร

 

อย่างกรณีของ JTS ปีนี้คงจะเห็นภาพชัดขึ้นว่าบริษัทจะทำได้จริงมากน้อยเพียงใด และเมื่อครบ 3 ปี ก็จะเห็นได้ว่าบริษัทจะอยู่รอดได้หรือไม่ เพราะค่าเสื่อมของธุรกิจนี้จะตัดหมดใน 3 ปี ซึ่งขณะนี้คนก็ยังมีความหวังว่าจะทำได้จริง

 

“ส่วนเรื่องราคา JTS ที่ขยับขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างจะตอบยากว่าเป็นเพราะเหตุใด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องจิตวิทยาการลงทุนด้วย ทุกครั้งที่ราคา JTS ปรับตัวลง และเข้าไปซื้อ นักลงทุนมักจะได้กำไรเสมอ ทำให้มีความเชื่อส่วนนี้ระดับหนึ่ง”

 

จากการสำรวจราคาหุ้นต่างๆ ที่เคยมีข่าวเกี่ยวกับการขุด Bitcoin ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หุ้นที่ยังอยู่ในแดนบวกอิงจากราคาปิด ณ วันที่ 24 มีนาคม 2565 ได้แก่ JTS +160%, ZIGA +75%, UPA +62% และ PROEN +20% ส่วน AJA ติดลบมากที่สุด -19% 

 

JTS เป็นหุ้นเพียงตัวเดียวที่ราคาพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง ทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นแตะ 240,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าดังกล่าวสูงกว่ามูลค่าของบริษัทขุด Bitcoin ในต่างประเทศไปแล้ว เช่น Marathon Digital Holdings มูลค่า 99,000 ล้านบาท, RIOT Blockchain มูลค่า 81,000 ล้านบาท, Hut 8 Mining Corp. มูลค่า 41,000 ล้านบาท, Bitfarms มูลค่า 32,000 ล้านบาท

 

ในขณะที่มูลค่าของ JTS พุ่งขึ้นไปสูงกว่าบรรดาบริษัทขุด Bitcoin ต่างประเทศ แต่จะเห็นว่ากำลังในการขุดของบริษัทอย่าง Marathon ปัจจุบันยังมีกำลังในการขุดเหนือกว่า โดยบริษัทเดินเครื่องไปแล้วกว่า 32,000 เครื่อง จากที่สั่งซื้อมาแล้วทั้งหมด 93,000 เครื่อง และ ณ สิ้นปี 2021 Marathon มีการถือครอง Bitcoin อยู่ทั้งสิ้น 8,595 เหรียญ ซึ่งมาจากทั้งส่วนที่ขุดและส่วนที่ซื้อเข้ามาจำนวน 4,813 เหรียญ และ Bitcoin ที่ขุดขึ้นมาได้ตลอดทั้งปี 2021 มีจำนวน 3,197 เหรียญ เพิ่มขึ้น 846% จากปีก่อน

 

ส่วนหนึ่งที่มูลค่าหุ้นของ JTS และบรรดาบริษัทขุด Bitcoin ต่างประเทศแตกต่างกันมากเกินเท่าตัว เพราะการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งราคาของ JTS ยังปรับขึ้นได้กว่าเท่าตัว แต่ราคาหุ้นของบริษัทอย่าง Marathon, RIOT, Hut 8 และ Bitfarms ต่างปรับตัวลงเฉลี่ย 5-21% จากปีก่อนหน้า

 

โดยสรุปแล้ว จากการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลายราย ดูเหมือนว่าธุรกิจขุด Bitcoin จะคงทำกำไรได้ดีบนราคา Bitcoin ในปัจจุบันที่ยังยืนอยู่เหนือ 40,000 ดอลลาร์ แต่ในแง่ของมูลค่าหุ้นเปรียบเทียบกันระหว่างหลายบริษัทยังอาจจะไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันนัก ด้วยปัจจัยเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ซึ่งในส่วนนี้คงจะต้องไปนั่งพิจารณากันเพิ่มเติมอีกครั้งว่าความเหมาะสมของราคาบนธุรกิจนี้อยู่ที่ตรงไหนอ

ธุรกิจขุดเหมือง Bitcoin ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดูเหมือนจะต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนพลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากเรื่องของเงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก หรือแรงกดดันจากราคาของ Bitcoin ที่ผันผวนขึ้นลง โดยเฉพาะในทางลงที่ทำให้อัตรากำไรจากการขุดลดลงไป 

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนอาจจะนึกย้อนไปถึงปี 2018 ซึ่งราคาของเหรียญต่างๆ เข้าสู่ตลาดหมีอย่างเต็มตัว อย่าง Bitcoin ที่ราคาเคยขยับไปถึงเกือบ 20,000 ดอลลาร์ ช่วงปลายปี 2017 ลงไปเหลือ 3,000-4,000 ดอลลาร์ ในปี 2018

 

อย่างไรก็ดี การร่วงลงมาของราคา Bitcoin ในรอบนี้จากราว 60,000 ดอลลาร์ มาสู่ระดับ 35,000-45,000 ดอลลาร์ ดูเหมือนว่าสำหรับผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin ยังคงมีอัตรากำไรที่สูงถึง 70%

 

Jaime Leverton ซีอีโอของ Hut 8 หนึ่งในบริษัทขุด Bitcoin รายใหญ่ กล่าวว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งเมื่อ 16 เดือนก่อน บริษัทได้เริ่มโฟกัสเกี่ยวกับการกระจายธุรกิจมากขึ้น เพราะเรารู้ว่าธุรกิจนี้เป็นวัฏจักรและเราควรจะเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการหดตัวในอนาคต

 

ทั้งนี้ ราคาของ Bitcoin ในระดับที่จะส่งผลให้ธุรกิจขุด Bitcoin ไม่สามารถทำกำไร ตัวเลขของจุดคุ้มทุนจะแตกต่างกันออกไป อย่างกรณีของ Hut 8 ราคา Bitcoin สำหรับจุดคุ้มทุนอยู่ต่ำกว่า 18,000 ดอลลาร์ ขณะที่ Riot Blockchain, Inc. มีจุดคุ้มทุนที่ราคา Bitcoin ราว 10,000 ดอลลาร์ ส่วน Marathon Digital Holdings มีจุดคุ้มทุนราว 5,000 ดอลลาร์ ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินกันว่าเมื่อราคา Bitcoin อยู่ในระดับสูง อัตรากำไรของบางบริษัทจะสูงถึง 90%

 

ในขณะที่ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นจากผลของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้กิจกรรมการขุด Bitcoin ลดลงไป อย่างไรก็ตาม Greg Lewis นักวิเคราะห์ของ BTIG ระบุว่า นักขุดที่เดินหน้าขุดต่อไปไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็ก พวกเขาจะทำได้ดีขึ้นในขณะที่อัตราการขุดทั่วโลกกำลังลดลง (Hash Rates) เช่น เมื่อ Hash Rates ลดลงไป 50% ไม่ว่าบริษัทนั้นจะมีสัดส่วนใหญ่หรือเล็กแค่ไหนเทียบกับการขุดทั่วโลก แต่ส่วนแบ่งจากการขุดของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว 

 

สำหรับธุรกิจขุด Bitcoin ในประเทศไทย ดูเหมือนว่า บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) จะเป็นบริษัทที่ขยายได้รวดเร็วที่สุดในขณะนี้ จากแผนการขยายเครื่องขุด Bitcoin เพิ่มเติมอีก 6,300 เครื่อง ภายในปีนี้ และจะทำให้บริษัทมีกำลังการขุดรวมอย่างน้อย 422,000 TH/s ณ สิ้นปีนี้

 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการประเมินก่อนหน้านี้ จุดคุ้มทุนของการขุด Bitcoin ในสกุลเงินบาทน่าจะอยู่ที่ราว 900,000 บาท แต่ก็ยังไม่รวมค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้จุดคุ้มทุนเพิ่มขึ้นอีก แต่คงจะไม่ได้กระทบมากนัก

 

อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าหุ้นไทยที่เกี่ยวข้องกับการขุด Bitcoin สามารถปรับตัวขึ้นได้ในระยะหลัง โดยเฉพาะกรณีของ JTS ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ระดับ 374 บาท เพิ่มขึ้น 185% จากปีก่อน

 

“ก่อนหน้านี้จะเห็นหุ้นที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลถูกซื้อกระจายในหลายตัว แต่ตอนนี้หุ้นขุด Bitcoin ถูกให้น้ำหนักมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเพราะไม่ถูกกดดันจากเรื่องของกฎระเบียบ และหากเปรียบเทียบเฉพาะหุ้นที่ขุด Bitcoin เหมือนกัน ทำให้คนให้น้ำหนักกับ JTS มากขึ้น เพราะบางบริษัท อาทิ COMAN ที่ใช้วิธีการจ้างขุด ซึ่งต้องแบ่งกำไรออกไป ส่งผลให้จุดคุ้มทุนสูงขึ้นไปอีก” ณัฐพลกล่าว

 

นอกจากนี้จะเห็นว่าราคาของ Bitcoin ที่แม้จะปรับฐานลงมา แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกบางประการที่เข้ามาช่วยจำกัด Downside ของราคา ซึ่งในกรณีของธุรกิจขุด Bitcoin ราคาของ Bitcoin คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญ หากราคาไม่ได้ลดลงหนักจนต่ำกว่าจุดคุ้มทุน เชื่อว่าธุรกิจก็น่าจะยังมีกำไร

 

อย่างกรณีของ JTS ปีนี้คงจะเห็นภาพชัดขึ้นว่าบริษัทจะทำได้จริงมากน้อยเพียงใด และเมื่อครบ 3 ปี ก็จะเห็นได้ว่าบริษัทจะอยู่รอดได้หรือไม่ เพราะค่าเสื่อมของธุรกิจนี้จะตัดหมดใน 3 ปี ซึ่งขณะนี้คนก็ยังมีความหวังว่าจะทำได้จริง

 

“ส่วนเรื่องราคา JTS ที่ขยับขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างจะตอบยากว่าเป็นเพราะเหตุใด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องจิตวิทยาการลงทุนด้วย ทุกครั้งที่ราคา JTS ปรับตัวลง และเข้าไปซื้อ นักลงทุนมักจะได้กำไรเสมอ ทำให้มีความเชื่อส่วนนี้ระดับหนึ่ง”

 

จากการสำรวจราคาหุ้นต่างๆ ที่เคยมีข่าวเกี่ยวกับการขุด Bitcoin ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หุ้นที่ยังอยู่ในแดนบวกอิงจากราคาปิด ณ วันที่ 24 มีนาคม 2565 ได้แก่ JTS +160%, ZIGA +75%, UPA +62% และ PROEN +20% ส่วน AJA ติดลบมากที่สุด -19% 

 

JTS เป็นหุ้นเพียงตัวเดียวที่ราคาพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง ทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นแตะ 240,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าดังกล่าวสูงกว่ามูลค่าของบริษัทขุด Bitcoin ในต่างประเทศไปแล้ว เช่น Marathon Digital Holdings มูลค่า 99,000 ล้านบาท, RIOT Blockchain มูลค่า 81,000 ล้านบาท, Hut 8 Mining Corp. มูลค่า 41,000 ล้านบาท, Bitfarms มูลค่า 32,000 ล้านบาท

 

ในขณะที่มูลค่าของ JTS พุ่งขึ้นไปสูงกว่าบรรดาบริษัทขุด Bitcoin ต่างประเทศ แต่จะเห็นว่ากำลังในการขุดของบริษัทอย่าง Marathon ปัจจุบันยังมีกำลังในการขุดเหนือกว่า โดยบริษัทเดินเครื่องไปแล้วกว่า 32,000 เครื่อง จากที่สั่งซื้อมาแล้วทั้งหมด 93,000 เครื่อง และ ณ สิ้นปี 2021 Marathon มีการถือครอง Bitcoin อยู่ทั้งสิ้น 8,595 เหรียญ ซึ่งมาจากทั้งส่วนที่ขุดและส่วนที่ซื้อเข้ามาจำนวน 4,813 เหรียญ และ Bitcoin ที่ขุดขึ้นมาได้ตลอดทั้งปี 2021 มีจำนวน 3,197 เหรียญ เพิ่มขึ้น 846% จากปีก่อน

 

ส่วนหนึ่งที่มูลค่าหุ้นของ JTS และบรรดาบริษัทขุด Bitcoin ต่างประเทศแตกต่างกันมากเกินเท่าตัว เพราะการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งราคาของ JTS ยังปรับขึ้นได้กว่าเท่าตัว แต่ราคาหุ้นของบริษัทอย่าง Marathon, RIOT, Hut 8 และ Bitfarms ต่างปรับตัวลงเฉลี่ย 5-21% จากปีก่อนหน้า

 

โดยสรุปแล้ว จากการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลายราย ดูเหมือนว่าธุรกิจขุด Bitcoin จะคงทำกำไรได้ดีบนราคา Bitcoin ในปัจจุบันที่ยังยืนอยู่เหนือ 40,000 ดอลลาร์ แต่ในแง่ของมูลค่าหุ้นเปรียบเทียบกันระหว่างหลายบริษัทยังอาจจะไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันนัก ด้วยปัจจัยเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ซึ่งในส่วนนี้คงจะต้องไปนั่งพิจารณากันเพิ่มเติมอีกครั้งว่าความเหมาะสมของราคาบนธุรกิจนี้อยู่ที่ตรงไหน

ธุรกิจขุดเหมือง Bitcoin ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดูเหมือนจะต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนพลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากเรื่องของเงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก หรือแรงกดดันจากราคาของ Bitcoin ที่ผันผวนขึ้นลง โดยเฉพาะในทางลงที่ทำให้อัตรากำไรจากการขุดลดลงไป 

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนอาจจะนึกย้อนไปถึงปี 2018 ซึ่งราคาของเหรียญต่างๆ เข้าสู่ตลาดหมีอย่างเต็มตัว อย่าง Bitcoin ที่ราคาเคยขยับไปถึงเกือบ 20,000 ดอลลาร์ ช่วงปลายปี 2017 ลงไปเหลือ 3,000-4,000 ดอลลาร์ ในปี 2018

 

อย่างไรก็ดี การร่วงลงมาของราคา Bitcoin ในรอบนี้จากราว 60,000 ดอลลาร์ มาสู่ระดับ 35,000-45,000 ดอลลาร์ ดูเหมือนว่าสำหรับผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin ยังคงมีอัตรากำไรที่สูงถึง 70%

 

Jaime Leverton ซีอีโอของ Hut 8 หนึ่งในบริษัทขุด Bitcoin รายใหญ่ กล่าวว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งเมื่อ 16 เดือนก่อน บริษัทได้เริ่มโฟกัสเกี่ยวกับการกระจายธุรกิจมากขึ้น เพราะเรารู้ว่าธุรกิจนี้เป็นวัฏจักรและเราควรจะเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการหดตัวในอนาคต

 

ทั้งนี้ ราคาของ Bitcoin ในระดับที่จะส่งผลให้ธุรกิจขุด Bitcoin ไม่สามารถทำกำไร ตัวเลขของจุดคุ้มทุนจะแตกต่างกันออกไป อย่างกรณีของ Hut 8 ราคา Bitcoin สำหรับจุดคุ้มทุนอยู่ต่ำกว่า 18,000 ดอลลาร์ ขณะที่ Riot Blockchain, Inc. มีจุดคุ้มทุนที่ราคา Bitcoin ราว 10,000 ดอลลาร์ ส่วน Marathon Digital Holdings มีจุดคุ้มทุนราว 5,000 ดอลลาร์ ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินกันว่าเมื่อราคา Bitcoin อยู่ในระดับสูง อัตรากำไรของบางบริษัทจะสูงถึง 90%

 

ในขณะที่ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นจากผลของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้กิจกรรมการขุด Bitcoin ลดลงไป อย่างไรก็ตาม Greg Lewis นักวิเคราะห์ของ BTIG ระบุว่า นักขุดที่เดินหน้าขุดต่อไปไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็ก พวกเขาจะทำได้ดีขึ้นในขณะที่อัตราการขุดทั่วโลกกำลังลดลง (Hash Rates) เช่น เมื่อ Hash Rates ลดลงไป 50% ไม่ว่าบริษัทนั้นจะมีสัดส่วนใหญ่หรือเล็กแค่ไหนเทียบกับการขุดทั่วโลก แต่ส่วนแบ่งจากการขุดของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว 

 

สำหรับธุรกิจขุด Bitcoin ในประเทศไทย ดูเหมือนว่า บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) จะเป็นบริษัทที่ขยายได้รวดเร็วที่สุดในขณะนี้ จากแผนการขยายเครื่องขุด Bitcoin เพิ่มเติมอีก 6,300 เครื่อง ภายในปีนี้ และจะทำให้บริษัทมีกำลังการขุดรวมอย่างน้อย 422,000 TH/s ณ สิ้นปีนี้

 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการประเมินก่อนหน้านี้ จุดคุ้มทุนของการขุด Bitcoin ในสกุลเงินบาทน่าจะอยู่ที่ราว 900,000 บาท แต่ก็ยังไม่รวมค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้จุดคุ้มทุนเพิ่มขึ้นอีก แต่คงจะไม่ได้กระทบมากนัก

 

อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าหุ้นไทยที่เกี่ยวข้องกับการขุด Bitcoin สามารถปรับตัวขึ้นได้ในระยะหลัง โดยเฉพาะกรณีของ JTS ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ระดับ 374 บาท เพิ่มขึ้น 185% จากปีก่อน

 

“ก่อนหน้านี้จะเห็นหุ้นที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลถูกซื้อกระจายในหลายตัว แต่ตอนนี้หุ้นขุด Bitcoin ถูกให้น้ำหนักมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเพราะไม่ถูกกดดันจากเรื่องของกฎระเบียบ และหากเปรียบเทียบเฉพาะหุ้นที่ขุด Bitcoin เหมือนกัน ทำให้คนให้น้ำหนักกับ JTS มากขึ้น เพราะบางบริษัท อาทิ COMAN ที่ใช้วิธีการจ้างขุด ซึ่งต้องแบ่งกำไรออกไป ส่งผลให้จุดคุ้มทุนสูงขึ้นไปอีก” ณัฐพลกล่าว

 

นอกจากนี้จะเห็นว่าราคาของ Bitcoin ที่แม้จะปรับฐานลงมา แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกบางประการที่เข้ามาช่วยจำกัด Downside ของราคา ซึ่งในกรณีของธุรกิจขุด Bitcoin ราคาของ Bitcoin คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญ หากราคาไม่ได้ลดลงหนักจนต่ำกว่าจุดคุ้มทุน เชื่อว่าธุรกิจก็น่าจะยังมีกำไร

 

อย่างกรณีของ JTS ปีนี้คงจะเห็นภาพชัดขึ้นว่าบริษัทจะทำได้จริงมากน้อยเพียงใด และเมื่อครบ 3 ปี ก็จะเห็นได้ว่าบริษัทจะอยู่รอดได้หรือไม่ เพราะค่าเสื่อมของธุรกิจนี้จะตัดหมดใน 3 ปี ซึ่งขณะนี้คนก็ยังมีความหวังว่าจะทำได้จริง

 

“ส่วนเรื่องราคา JTS ที่ขยับขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างจะตอบยากว่าเป็นเพราะเหตุใด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องจิตวิทยาการลงทุนด้วย ทุกครั้งที่ราคา JTS ปรับตัวลง และเข้าไปซื้อ นักลงทุนมักจะได้กำไรเสมอ ทำให้มีความเชื่อส่วนนี้ระดับหนึ่ง”

 

จากการสำรวจราคาหุ้นต่างๆ ที่เคยมีข่าวเกี่ยวกับการขุด Bitcoin ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หุ้นที่ยังอยู่ในแดนบวกอิงจากราคาปิด ณ วันที่ 24 มีนาคม 2565 ได้แก่ JTS +160%, ZIGA +75%, UPA +62% และ PROEN +20% ส่วน AJA ติดลบมากที่สุด -19% 

 

JTS เป็นหุ้นเพียงตัวเดียวที่ราคาพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง ทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นแตะ 240,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าดังกล่าวสูงกว่ามูลค่าของบริษัทขุด Bitcoin ในต่างประเทศไปแล้ว เช่น Marathon Digital Holdings มูลค่า 99,000 ล้านบาท, RIOT Blockchain มูลค่า 81,000 ล้านบาท, Hut 8 Mining Corp. มูลค่า 41,000 ล้านบาท, Bitfarms มูลค่า 32,000 ล้านบาท

 

ในขณะที่มูลค่าของ JTS พุ่งขึ้นไปสูงกว่าบรรดาบริษัทขุด Bitcoin ต่างประเทศ แต่จะเห็นว่ากำลังในการขุดของบริษัทอย่าง Marathon ปัจจุบันยังมีกำลังในการขุดเหนือกว่า โดยบริษัทเดินเครื่องไปแล้วกว่า 32,000 เครื่อง จากที่สั่งซื้อมาแล้วทั้งหมด 93,000 เครื่อง และ ณ สิ้นปี 2021 Marathon มีการถือครอง Bitcoin อยู่ทั้งสิ้น 8,595 เหรียญ ซึ่งมาจากทั้งส่วนที่ขุดและส่วนที่ซื้อเข้ามาจำนวน 4,813 เหรียญ และ Bitcoin ที่ขุดขึ้นมาได้ตลอดทั้งปี 2021 มีจำนวน 3,197 เหรียญ เพิ่มขึ้น 846% จากปีก่อน

 

ส่วนหนึ่งที่มูลค่าหุ้นของ JTS และบรรดาบริษัทขุด Bitcoin ต่างประเทศแตกต่างกันมากเกินเท่าตัว เพราะการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งราคาของ JTS ยังปรับขึ้นได้กว่าเท่าตัว แต่ราคาหุ้นของบริษัทอย่าง Marathon, RIOT, Hut 8 และ Bitfarms ต่างปรับตัวลงเฉลี่ย 5-21% จากปีก่อนหน้า

 

โดยสรุปแล้ว จากการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลายราย ดูเหมือนว่าธุรกิจขุด Bitcoin จะคงทำกำไรได้ดีบนราคา Bitcoin ในปัจจุบันที่ยังยืนอยู่เหนือ 40,000 ดอลลาร์ แต่ในแง่ของมูลค่าหุ้นเปรียบเทียบกันระหว่างหลายบริษัทยังอาจจะไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันนัก ด้วยปัจจัยเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ซึ่งในส่วนนี้คงจะต้องไปนั่งพิจารณากันเพิ่มเติมอีกครั้งว่าความเหมาะสมของราคาบนธุรกิจนี้อยู่ที่ตรงไหน

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising