×

ไบเดนสาบานตนอย่างเป็นทางการ ให้คำมั่นฟื้นฟูประเทศทุกด้าน เป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน

21.01.2021
  • LOADING...
ไบเดนสาบานตนอย่างเป็นทางการ ให้คำมั่นฟื้นฟูประเทศทุกด้าน เป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน

สหรัฐอเมริกาผลัดใบสู่การบริหารประเทศของประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ หลัง โจ ไบเดน จากเดโมแครต เสร็จสิ้นการสาบานตนที่อาคารรัฐสภา หรือ US Capitol ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด 

 

พิธีการเริ่มต้นขึ้นในเวลาประมาณ 11.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังมีการเชิญบุคคลสำคัญเข้างานครบแล้ว เอมี โคลบูชาร์ ส.ว. เดโมแครตจากรัฐมินนิโซตา เป็นตัวแทนกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน จากนั้น เลดี้ กาก้า ศิลปินชื่อดังเป็นผู้ร้องเพลงชาติสหรัฐฯ ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงพิธีสาบานตน โดย คามาลา แฮร์ริส ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ ได้กล่าวคำสาบานตนตาม โซเนีย โซโตเมเยอร์ ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ 

 

จากนั้น เจนนิเฟอร์ โลเปซ ได้ขับร้องเพลง ‘America the Beautiful’ และนำเข้าสู่ช่วงไฮไลต์สำคัญของงาน

 

โจ ไบเดน ยืนเคียงคู่จิลล์ ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่ ได้กล่าวคำสาบานตนตาม จอห์น โรเบิร์ตส์ ประธานคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุด ซึ่งถือเป็นการรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ

 

หลังกล่าวคำปฏิญาณแล้ว ไบเดนได้กล่าวสุนทรพจน์ในฐานะประธานาธิบดีเป็นครั้งแรก โดยประกาศว่า “นี่คือวันของอเมริกา”

 

“วันนี้เป็นวันของประชาธิปไตย วันแห่งประวัติศาสตร์และความหวังของการฟื้นฟูและแก้ไข” ไบเดนกล่าว

 

เขายังบอกด้วยว่า เสียงเจตจำนงของประชาชนถูกรับฟังแล้ว โดยไบเดนยอมรับช่วงเวลาแห่งความแตกแยกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ แต่เชื่อมั่นว่าความสามัคคีจะเอาชนะได้

 

เขาระบุว่า สหรัฐฯ ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้วหลายครั้งในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามกลางเมือง ยุคเศรษฐกิจตกต่ำ สงครามโลกทั้งสองครั้ง และเหตุวินาศกรรมโจมตีเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ หรือ 9/11 “ซึ่งเรามีชัยเสมอ” 

 

ไบเดนยังประกาศนำสหรัฐฯ กลับไปสู่จุดที่เคยเป็นในเวทีโลก และให้คำมั่นว่าจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับชาวอเมริกันทุกคน รวมถึงคนที่ไม่ได้สนับสนุนตัวเขาด้วย

 

ไบเดนพูดถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ด้วยว่า สหรัฐฯ มีสิ่งที่ต้องซ่อมแซม ฟื้นฟู เยียวยา และสร้างขึ้นใหม่อีกมากมาย ด้วยยอดผู้เสียชีวิตที่ทะลุ 4 แสนคนในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ เผชิญกับความท้าทายจากไวรัสที่ร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษ ซึ่งคร่าชีวิตคนอเมริกันมากกว่าการสูญเสียในสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก

 

“เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ เพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณและอนาคตของอเมริกา เราจึงต้องการมากกว่าคำพูด เราต้องการสิ่งสำคัญในระบอบประชาธิปไตยนั่นคือความสามัคคี” 

 

ไบเดนยังให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตร “นี่คือสารจากผมถึงผู้ที่อยู่นอกพรมแดนของเรา อเมริกาได้รับการทดสอบ และเราเข้มแข็งขึ้น เราจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพันธมิตร และมีส่วนร่วมกับโลกอีกครั้ง

 

“เราจะเป็นผู้นำ ไม่เพียงแต่ด้วยตัวอย่างของพลังเรา แต่ด้วยพลังของตัวอย่างเรา เราจะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้สำหรับสันติภาพ ความก้าวหน้า และความมั่นคง” ไบเดนกล่าวเสริม 

 

สำหรับพิธีในวันนี้ มีแขกผู้มีเกียรติ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และบุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆ เข้าร่วมงานมากมาย รวมถึงอดีตประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอย่างบารักและมิเชล โอบามา, บิลและฮิลลารี คลินตัน, จอร์จและลอรา บุช เช่นเดียวกับ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีและคาเรน เพนซ์ ภริยา ก็มาร่วมงานด้วย ขาดก็แต่​ โดนัลด์ ทรัมป์ และเมลาเนีย ทรัมป์ที่ปฏิเสธเข้าร่วมงานก่อนหน้านี้ โดยทุกคนล้วนสวมใส่หน้ากากตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งในพิธียังมีการจำกัดจำนวนคนเข้างานและจัดที่นั่งห่างกันเพื่อไม่ให้เกิดความแออัดจนเกินไปตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม 

 

พิธีการครั้งนี้จัดขึ้นท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการวางกำลังตำรวจและกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิราว 25,000 นายอารักขาตามจุดต่างๆ โดยรอบ หลังจากเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้เกิดเหตุจลาจลโดยกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ที่พยายามขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้งในรัฐสภา จนเกิดความวิตกว่าอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำในระหว่างประกอบพิธี

 

คาดว่าหลังจากรับตำแหน่งแล้ว ไบเดนจะลงนามคำสั่งพิเศษประธานาธิบดีรวม 17 ฉบับในช่วงไม่กี่ชั่วโมงแรก ไล่ตั้งแต่การออกคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการใหม่เพื่อรับมือการระบาดของโควิด-19 รวมถึงลบล้างหลายนโยบายที่ออกโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

 

CNN รายงานว่า หนึ่งในหลายๆ มาตรการที่ไบเดนจะประกาศใช้ทันที ประกอบด้วยการกำหนดให้สวมใส่หน้ากากป้องกันการแพร่เชื้อในสถานที่ทางการของรัฐบาล รวมถึงการแต่งตั้งผู้ประสานงานรับมือโรคระบาด เพื่อดูแลการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ยา และอุปกรณ์การแพทย์

 

นอกจากนี้ ไบเดนยังมีแผนล้มล้างคำสั่งพิเศษที่ออกโดยทรัมป์หลายฉบับ โดยจะนำสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ความตกลงปารีสเพื่อร่วมแก้ปัญหาโลกร้อนกับนานาชาติอีกครั้ง และยับยั้งการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) ของสหรัฐฯ

 

อีกหนึ่งคำสั่งพิเศษของไบเดนที่คาดว่าจะลงนามตั้งแต่วันแรกคือ การยุติการใช้มาตรการที่เข้มงวดต่อผู้อพยพผิดกฎหมายในบริเวณชายแดน และการยกเลิกกฎแบนที่ไม่ให้ชาวมุสลิมจากหลายประเทศเข้าประเทศ นอกจากนี้ยังยุติการจัดสรรงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนทางใต้อีกด้วย

 

ภาพ: PATRICK SEMANSKY / POOL / AFP

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising