ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน ครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว โดยมีการหารือในประเด็นครอบคลุมเศรษฐกิจ การค้า และการทหาร ขณะที่ไบเดนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงและเขตปกครองตนเองซินเจียง รวมถึงแนวปฏิบัติทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม
แถลงการณ์จากทำเนียบขาวระบุว่า ไบเดนได้กดดันจีนในประเด็นเกี่ยวกับการปราบปรามผู้เห็นต่างในฮ่องกง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นๆ ในเขตปกครองตนเองซินเจียง นอกจากนี้ยังพูดคุยกันถึงกรณีการคุกคามไต้หวันด้วยกิจกรรมทางทหารที่เป็นปฏิปักษ์ในช่วงหลังด้วย
ไบเดนยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในทางที่กระทบความมั่นคง ซึ่งโหมกระพือความขัดแย้งระหว่างสองชาติมหาอำนาจในช่วงหลัง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะตึงเครียดขึ้นอย่างมากจากสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี รวมไปถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและการระบาดของโควิด-19 แต่ไบเดนและสีจิ้นผิงก็ยังหารือเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือที่เป็นไปได้ระหว่างสองฝ่ายด้วย
หลังการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ (10 กุมภาพันธ์) ไบเดนได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ว่า “ผมบอกเขาว่า ผมจะทำงานร่วมกับจีนก็ต่อเมื่อมันเป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกัน”
ด้านสถานีโทรทัศน์ CGTN ของทางการจีน รายงานว่า สีจิ้นผิงยอมรับว่า สองประเทศมีความขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งควรได้รับการแก้ไข พร้อมเรียกร้องให้สองฝ่ายร่วมมือกัน ขณะเดียวกันสีจิ้นผิงยังตอบกลับปัญหาที่ไบเดนหยิบยกมาหารือ ทั้งประเด็นซินเจียง ฮ่องกง และไต้หวัน ว่าเป็นเรื่องภายในที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตยของจีน พร้อมเตือนว่า สหรัฐฯ ควรเคารพผลประโยชน์แกนกลางของจีนและปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง
การหารือระหว่างไบเดนและสีจิ้นผิงมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังผู้นำสหรัฐฯ ประกาศแผนให้คณะทำงานของกระทรวงกลาโหม หรือเพนตากอน ทบทวนแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงแห่งชาติที่มีต่อจีนใหม่ โดยก่อนหน้านั้นไบเดนได้ตอกย้ำจุดยืนในนโยบายต่างประเทศว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตร และร่วมกันรับมือภัยคุกคามที่มาจากจีนและรัสเซีย
ภาพ: Amilcar Orfali / Alex Wong / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: