×

ภูมิใจไทย-ไทยสร้างไทย ถามสรรพากร เก็บภาษีคริปโตคิดรอบคอบหรือยัง ชี้กฎหมายไม่เป็นธรรม รัฐต้องเปลี่ยนวิธีคิด

โดย THE STANDARD TEAM
07.01.2022
  • LOADING...
ภูมิใจไทย-ไทยสร้างไทย ถามสรรพากร

วันนี้ (7 มกราคม) สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงการที่กรมสรรพากรจะมีการเก็บภาษีคริปโต 15% โดยระบุว่า เอาให้ชัวร์ก่อนไหมภาษีคริปโต โลกหมุนทุกวัน โลกหมุนเร็วขึ้น

 

ตอนนี้มีการพูดถึงภาษีคริปโตกันจำนวนมากว่ากรมสรรพากรจะมีการเก็บภาษีจากกำไร 15% และยังคงสร้างความสับสนและความกังวลต่อประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากความไม่ชัดเจนในรูปแบบ วิธีการ แนวทางในการปฏิบัติ ถ้าคนทั่วไปอ่านก็คงคิดว่าทุกรายการที่ขายแล้วมีกำไรคือหัก ณ ที่จ่ายเลย 15% แล้วที่ยังเป็นตัวแดงค้างอยู่ละจะทำอย่างไร ในมุมของท่านอาจจะบอกว่าก็ไม่คิดไง แฟร์ แต่ในมุมของชาวบ้านคือเขาจะเอากำไรมาถัวขาดทุนเปล่า

 

“ฝากถึงสรรพากรด้วยนะครับว่าแนวทางและวิธีการท่านต้องคิดให้รอบคอบ ปกติตัวเลขในพอร์ตลงทุนน่าจะขึ้นลงทุกวัน กำไรจะเก็บก็เข้าใจได้ แต่ถ้าภาพรวมเขาขาดทุนอยู่จะทำอย่างไร สมมติเหรียญบางตัวราคาไหลลงเหวเลย เขาชิงขายก่อนแล้วไปช้อนซื้อต่ำๆ ขายทำกำไรระยะสั้น แต่ยังคงขาดทุน จะไปเก็บภาษีเขาได้หรือ ผมลองคิดวิธีเล่นๆ การเก็บภาษีลักษณะนี้ก็ค่อนข้างยากอยู่ เช่น ถ้ามีรอบประเมิน เช่น 31 มีนาคม จะประเมินกำไรขาดทุน แต่รายได้เขายังไม่ได้รับ (Unrealized) จะประเมินอย่างไร” สิริพงศ์ระบุ และอธิบายเพิ่มเติมว่า

 

ก้าวนี้ของสรรพากรสำคัญมาก อย่าทำให้กลายเป็น

  1. รังแกประชาชน ประเภทเธอได้ฉันเอาหมด เธอเสียเรื่องของเธอ
  2. รังแกผู้ประกอบการไทย เพราะเขาจะมุดไปเทรดที่อื่นหมด
  3. รังแกเด็กดี อันนี้ไม่ต้องอธิบาย

 

“สรรพากรควรคิดภาษีจากผู้ให้บริการเทรดที่เขาได้คอมมิชชันจากการซื้อขาย ดีกว่าจากประชาชนโดยตรงดีกว่าหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ แต่ก็ไม่ได้ใหม่เกินไป อย่าทำให้ความไม่ชัดเจนในนโยบายมาทำให้คนเขาหนีจากระบบหมด ผมเชื่อว่าภาษีทุกคนยินดีเสียถ้าเราเก็บเขาแบบเป็นธรรมและใช้ภาษีให้คุ้มค่า” สิริพงศ์ระบุในท้ายที่สุด

 

ด้าน ดร.ธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ดิจิทัลเพื่อสร้างพลังของประชาชน พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีกรมสรรพากรออกมาชี้แจงประเด็นภาษีคริปโต ตามพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561 ว่า ตามกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบันสำหรับนักลงทุน มีการจัดเก็บภาษีในระดับ ‘ธุรกรรม’ กล่าวคือเมื่อทำรายการแล้วได้กำไรต้องเสียภาษีทันที แต่เมื่อทำรายการแล้วขาดทุนกลับไม่มีการนำมาหักลบจากจำนวนภาษีที่ต้องเสีย ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อนักลงทุน ไม่ทันต่อยุคสมัย ซึ่งต่างประเทศที่สนับสนุนให้มีการลงทุนเกิดขึ้นภายในประเทศจะไม่ใช้วิธีคิดแบบนี้

 

วิธีคิดภาษีเฉพาะกำไรจากการลงทุนแบบรายธุรกรรม โดยไม่หักลบธุรกรรมที่ขาดทุน และยังต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15% เป็นวิธีคิดที่ไม่เป็นธรรม สร้างภาระ เพราะแค่นักลงทุนซื้อขายเกินสองธุรกรรมต่อวันก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตามได้ถูกต้องสมบูรณ์ตลอดปีภาษี เป็นการลดแรงจูงใจประชาชนที่ลงทุนภายในประเทศ สวนทิศทางกับกระแสนักลงทุนชาวไทยและภาคเอกชนไทยที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเติบโต ซึ่งหากในปี 2565 ที่ประกาศไว้ว่ามีแผนจะเริ่มจัดเก็บภาษีในตลาดหุ้น ซึ่งตามหลักอาจใช้มาตรฐานแบบเดียวกันนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้นคงย้ายไปนอกประเทศตามไปด้วยเช่นกัน

 

การบังคับใช้กฎหมายต้องคำนึงถึงหลักการความเป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และปฏิบัติได้ง่าย แต่กฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบันไม่ตอบโจทย์ทั้ง 3 ข้อ วันนี้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นโอกาสของคนตัวเล็กและธุรกิจเกิดใหม่ที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระดับโลก ในโลกยุคนี้ทุกครั้งที่ภาครัฐจะออกกฎระเบียบเชิงบังคับควบคุม จำเป็นต้องคิดถึงแนวทางเชิงสนับสนุนควบคู่ไปด้วยเสมอ และคำนึงถึงผลบวกให้มากกว่าผลลบเสมอ เพื่อให้ประชาชนและประเทศไม่เสียโอกาส หากยังประเมินผลกระทบได้ไม่ครบด้านต้องอนุญาตให้ทำก่อน อย่าเพิ่งรีบออกกฎระเบียบเพิ่ม ไม่เช่นนั้นการพัฒนาไม่เกิด ต้องใช้ Sandbox Mindset เพื่อให้โอกาสแทนการตัดโอกาส จึงอยากขอให้ภาครัฐรีบทบทวนแนวทางปฏิบัติดังกล่าวก่อนจะสายเกินไปจนไม่มีใครสนใจการลงทุนภายในประเทศ

 

นอกจากนี้ ดร.ธรรม์ธีร์ยังตั้งคำถามถึงกรณีที่สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกํากับดูแล Non-Fungible Token (NFT) ว่ามีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการพัฒนาและเติบโตอย่างไร เพราะ NFT เป็นหนึ่งในกลไกที่นำมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความแข็งแรงของทรัพย์สินทางปัญญา และ Soft Power

 

ดังนั้น ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรใช้ Sandbox Mindset เน้นการออกกฎระเบียบที่สนับสนุนคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ประกอบการ เพื่อจูงใจให้เกิดการพัฒนาและเติบโตของ NFT ในประเทศไทย ไม่ให้ซ้ำรอยกฎระเบียบที่ผ่านมา ที่เมื่อออกมาแล้วคนไทยไม่อยากทำธุรกิจในประเทศตัวเอง ยูนิคอร์นตัวแรกที่ก่อตั้งโดยคนไทยไม่ได้ (จดทะเบียน) อยู่ในประเทศไทยแล้ว อย่าให้ยูนิคอร์นตัวถัดๆ ไป ต้องบินออกไปนอกประเทศอีกเลย

 

“หากภาครัฐตั้งใจทำเพื่อการพัฒนาประเทศและต้องการนำรายได้เข้าประเทศจริง การออกกฎระเบียบเพื่อสร้างโอกาสให้กับการลงทุนและธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะจะสร้างรายได้และเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าประเทศที่สามารถจัดเก็บภาษีได้มากยิ่งกว่า และนำไปสู่การพัฒนาอีกระดับจนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลระดับภูมิภาคได้ ซึ่งการสร้าง Sandbox Mindset ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคือคำตอบ โดยนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นไม่เพียงแต่ควรเว้นการเก็บภาษีเท่านั้น ยังควรให้สิทธิประโยชน์นักลงทุนเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้ เพื่อสนับสนุนอีกด้วย” ดร.ธรรม์ธีร์กล่าวในท้ายที่สุด

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising