×

ภูมิใจไทยถาม อนุทินตอบ พ.ร.บ.กัญชาฯ ยืนยัน ‘เสรี’ แต่ไม่ไร้การควบคุม ขอสภาผ่านกฎหมาย

โดย THE STANDARD TEAM
24.11.2022
  • LOADING...
พรรคภูมิใจไทย

วันนี้ (​24 พฤศจิกายน) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบกระทู้สดในสภาผู้แทนราษฎรของ ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้ตั้งกระทู้ถามคำถามเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายกัญชาของรัฐบาล ว่าเป็นนโยบายกัญชาเสรีจริงหรือไม่ เหตุใดต้องปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด และจะมีแนวทางป้องกันการใช้กัญชาในทางที่ผิดเพื่อควบคุมผลกระทบทางสังคมอย่างไร

 

อนุทินกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายกัญชาเสรี แต่เป็นเสรีแบบมีการควบคุม ไม่ใช่ไร้การควบคุม โดยรัฐบาลมีนโยบายคืนสมุนไพรกัญชาและภูมิปัญญาชาวบ้านให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้โดยมีกฎหมายกำกับ พร้อมกล่าวถึงรายละเอียดในนโยบายเร่งด่วนข้อสี่ของรัฐบาลที่ระบุว่าเป็นไปเพื่อต่อยอดภูมิปัญญาและความรู้ของปราชญ์ชาวบ้านในการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป

 

รวมทั้งเร่งศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา กัญชง และพืชสมุนไพรในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ของประชาชน โดยกําหนดให้มีกลไกการดําเนินงานท่ีรัดกุมเพื่อมิให้เกิดผลกระทบทางสังคมตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด นั่นคือเหตุผลที่ต้องมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง มาควบคุมการใช้กัญชา ​จากนั้นอนุทินได้กล่าวย้ำว่า มูลค่าการตลาดของกัญชานั้นมีนับแสนล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของคนไทย ซึ่งทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง พรรคการเมืองหลายพรรคก็ได้มีนโยบายเกี่ยวกับกัญชาเช่นกัน

 

อนุทินกล่าวต่อไปว่า หลังจากสภารับหลักการร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง นั้นได้เห็นชาวบ้านแสดงออกว่าดีใจที่ผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันรักษาประโยชน์ของประชาชน ต่อจากนั้นร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เดิมเสนอโดยพรรคภูมิใจไทย ก็ได้กลายเป็นร่างของกรรมาธิการที่มาจากสภาผู้แทนราษฎรของประชาชน โดยผู้ทรงคุณวุฒิได้มีการรับฟังประชาชนจากทุกสารทิศ จนได้มาเป็นร่างกฎหมายของกรรมาธิการที่จะนำเสนอต่อสภาในวาระที่สอง จึงอยากให้สภาได้คำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนที่จะมีกฎหมายมาควบคุมไม่ให้มีการใช้ในทางที่ผิด

 

​ส่วนการปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ห้า ยกเว้นสารสกัดจากกัญชาที่มี THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 ของน้ำหนักที่ยังคงเป็นยาเสพติดนั้น อนุทินยืนยันว่าเป็นไปโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และประกาศของรัฐมนตรีเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย มีเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ กัญชามีประโยชน์มากกว่าโทษ ความเสี่ยงจากกัญชามีในระดับที่ไม่รุนแรงและควบคุมได้ไม่ต่างจากสุรา บุหรี่ นั่นคือเหตุผลที่คืนกัญชาให้เป็นพืชสมุนไพรให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ พร้อมย้ำว่าผลของการปลดกัญชาออกจากยาเสพติดนั้นทำให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงกัญชาและใช้ประโยชน์ได้ตามกฎหมายที่ออกมากำกับ

 

​นอกจากนี้อนุทินชี้แจงว่า การถอดกัญชาจากยาเสพติดได้ลบอุปสรรคที่เป็นข้อจำกัดในการศึกษาวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา กัญชงเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรมการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน หน่วยงานของรัฐและเอกชนไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวหรือตั้งงบประมาณเพื่อศึกษาวิจัย พัฒนากัญชาหากยังเป็นยาเสพติด ในขณะที่การถ่ายทอดภูมิปัญญาไทย การต่อยอดองค์ความรู้ทางการแพทย์แผนไทย ตำรับยาหมอพื้นบ้านของไทยที่ใช้กัญชาซึ่งมีมานานกว่า 300 ปี ก็สูญหายไป ไม่มีการพัฒนา ไม่มีการสืบทอด เพราะกัญชาถูกแปะฉลากว่าเป็นยาเสพติด

 

​พร้อมให้ข้อมูลเสริมว่า มีการศึกษาว่าตลาดกัญชาในประเทศไทยมีมูลค่าสูงกว่า 28,000 ล้านบาท ในปี 2565 และภายใน 3 ปี จะมีมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านบาท 

 

​“ถ้าหากมีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้งตามที่มีหลายท่านให้คำแนะนำมา ก็จะทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจนี้หดตัวไป ทำให้ความมั่นใจลดน้อยถอยลง โอกาสในการสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวก็จะลดน้อยถอยลงไป” อนุทินกล่าว

 

​จากนั้นอนุทินได้กล่าวถึงแนวทางป้องกันการใช้กัญชาในทางที่ผิดเพื่อควบคุมผลกระทบทางสังคม โดยย้ำว่าการมี พ.ร.บ.กัญชา กัญชง จะเป็นการกำกับควบคุมการใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างสมบูรณ์ตามการพิจารณาของสภา

 

เมื่อกัญชาถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดแล้วนั้น ระหว่างพิจารณา พ.ร.บ. ซึ่งกินเวลานานกว่าที่คาดไว้ ก็ยังมีกฎหมายระดับรองคือประกาศกระทรวงสาธารณสุขมาบังคับใช้ ยังสามารถควบคุมการใช้ในทางที่ผิดได้ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเมื่อเทียบกับยาเสพติดประเภทอื่น ซึ่งในวันนี้ก็ไม่ควรเทียบแล้ว เพราะกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด มีกฎหมายระดับรองกำกับดูแล เช่น ห้ามสูบกัญชาในที่สาธารณะ ห้ามใช้ดอกกัญชาปรุงอาหาร ห้ามจำหน่ายกัญชาให้นักเรียน นักศึกษา เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร นอกจากนี้มีประกาศที่ระบุว่าผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาต้องแจ้งต่อกรมอนามัยและแสดงสัญลักษณ์ให้ผู้บริโภคทราบ

 

“ผู้นำกัญชาไปผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องขออนุญาต อย. และส่งผลการศึกษามาตรฐานความปลอดภัย ผู้ที่ฝ่าฝืนปฏิบัติขัดต่อประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีโทษทั้งจำและปรับ และล่าสุดคือประกาศสมุนไพรควบคุมฉบับปรับปรุง ที่เน้นคุมเข้มช่อดอก ซึ่งเป็นส่วนที่สังคมกังวลมากที่สุด ส่วนอื่นๆ ของกัญชา ได้แก่ ลำต้น เส้นใย กิ่ง ก้าน ราก ใบ นั้นไม่เป็นยาเสพติดมาตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 แล้ว

 

“เนื่องจากมีผลการศึกษาชี้ชัดว่าส่วนอื่นๆ ของกัญชาที่ไม่ใช่ช่อดอก มีสารที่เป็นอันตรายต่ำ และไม่จัดเป็นยาเสพติด ตามนิยามขององค์การอนามัยโลก ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ตามการกำกับของประกาศที่เกี่ยวข้อง” อนุทินกล่าว

​อนุทินยังกล่าวด้วยว่า ตนมั่นใจว่าตั้งแต่มีการดำเนินนโยบายให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจนั้น ยังไม่มีปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ มีคนที่ขายอย่างจดทะเบียนถูกต้อง ส่วนคนที่แอบขายหรือคนจงใจทำผิดกฎหมาย ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายเช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising